fbpx

กนอ.จับมือสภาอุตฯยกระดับโรงงานในนิคมฯเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ


กรุงเทพฯ 16 ธ.ค. – กนอ.ประสานความร่วมมือสภาอุตสาหกรรมฯสนับสนุนโรงงานสู่การเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ดันขับเคลื่อนนิคมฯด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน



นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยว่า กนอ.ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ ส.อ.ท.เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างเป็นรูปธรรมและ มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมให้เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และพัฒนายกระดับนิคมอุตสาหกรรมเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่ง กนอ.และส.อ.ท.ได้ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และร่วมเป็นหน่วยงานที่จัดทำระบบและให้การรับรองโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ร่วมกันดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน โดยในระยะเวลาความร่วมมือที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพัฒนากิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเป็นอย่างดี อาทิ การปรับปรุงและพัฒนาข้อกำหนดมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเพื่อให้สอดคล้องมาตรฐานสากล และนำไปประยุกต์ใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท และทุกขนาดอุตสาหกรรม การจัดงานสัมมนาวิชาการ Eco Innovation Forum ร่วมกัน และการส่งเสริมให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมได้รับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่งในปีนี้ (2563) กนอ.ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและชุมชน และขยายกรอบความร่วมมือพร้อมประกาศเจตนารมณ์ในการสนับสนุนส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ผ่านการสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์และพัฒนาสิทธิประโยชน์และมาตรการจูงใจ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ของ กนอ. โดยดำเนินการร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อสร้างสมดุลด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตควบคู่กับเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน


“ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมได้รับใบรับรองการเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแล้ว จำนวน 172 โรงงาน โดยกระจายอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 23 แห่ง ซึ่งการส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสนับสนุนการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของ กนอ.รวมถึงการยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่นับเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและพลังงาน ลดการเกิดของเสียและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรม”นางสาวสมจิณณ์ พิลึก กล่าว



ด้านนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวว่า ส.อ.ท.มุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริการ(Service Organization) ทั้ง 6 ด้าน เพื่อประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์หลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการผลิต การบริโภคสินค้าและบริการ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) ของรัฐบาล ด้วยการส่งเสริมปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตสู่การเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ(Eco Factory) ที่นำไปสู่การพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดย ส.อ.ท. ได้ร่วมมือกับกนอ.ในการส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และร่วมเป็นหน่วยงานจัดทำระบบและรับรองโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) มาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปี 2563 ยังคงมีความร่วมมือส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน ทั้งการส่งเสริมโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมให้ได้การรับรองการเป็น Eco Factory สนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ของ กนอ.ที่สำคัญสามารถสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ และพัฒนาสิทธิประโยชน์ รวมทั้งมาตรการจูงใจสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของ กนอ.


ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เน้นสร้างความสมดุลระหว่างปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนท้องถิ่น โดยกนอ.ได้กำหนดคุณลักษณะมาตรฐานและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศไว้ใน 5 มิติ 22 ด้าน แบ่งการยกระดับความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 3 ระดับ ประกอบด้วย ระดับ Eco-World Class / Eco-Excellence และ Eco-Champion ตามลำดับ . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

คนร้ายฆ่าสาวโบลท์ เครียด ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ

เครียด! “ไอ้แม็ก” มือฆ่าชิงทรัพย์สาวโบลท์ ใช้หัวโขกลูกกรง สน.มีนบุรี จนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ ล่าสุดคุมตัวไปฝากขังแล้ว

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้