กรุงเทพฯ 19 พ.ค.- กนอ.จัดประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review – AAR) ระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วน วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค พร้อมทั้งกำหนดมาตรการ 4 ด้าน ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ กำชับบังคับใช้มาตรการยกระดับอย่างเข้มงวด สร้างความเชื่อมั่น พัฒนาการประกอบกิจการให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บวัตถุดิบสาร C9+ ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 กนอ. ได้ประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review – AAR) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน สะท้อนจุดแข็ง จุดอ่อน และอุปสรรค ในการปฏิบัติงานภายใต้แผนเผชิญเหตุ แผนอพยพ แผนช่วยเหลือ และร่วมกันหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขยกระดับมาตรการต่างๆ ให้มีความเข้มงวด รัดกุม ครอบคลุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใน 4 มาตรการ ดังนี้
• มาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ มุ่งเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วมเชิงป้องกัน ปรับรูปแบบการดำเนินการ กฎระเบียบต่างๆ ให้ตรงกับความคาดหวังของประชาชน สังคม และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ หรือ หากเกิดเหตุแล้วสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดและสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
• มาตรการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยบูรณาการแผนฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ยกระดับบทบาทหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของความชัดเจนในขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบและสิ่งที่ต้องดำเนินการ รวมถึงความพร้อมของวัสดุดับเพลิง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตอบโต้เหตุฉุกเฉิน
• มาตรการสื่อสารภาวะวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันท่วงที เพื่อชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลดความวิตกกังวลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และบริหารจัดการในภาวะวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• มาตรการเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตลอดจนการเฝ้าระวังด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนโดยรอบนิคมฯ
ผู้ว่าการ กนอ. ยังกล่าวขอบคุณหน่วยงานที่เข้าร่วมและสนับสนุนอุปกรณ์การระงับเหตุ ประกอบด้วย บริษัท PTT LNG, เทศบาลเมืองมาบตาพุด, เทศบาลนครระยอง, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 6, บริษัท NPC S&E จำกัดบริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท IRPC จำกัด และหน่วยงานอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยในการระงับเหตุ การอพยพ และบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ด้วย
“กนอ.จะบังคับใช้มาตรการที่ยกระดับขึ้นนี้อย่างเข้มงวด จริงจัง ทั้งในด้านของการปรับปรุงระบบการแจ้งข่าวสารระหว่างเกิดเหตุ แผนการอพยพ การซ้อมแผนฉุกเฉินที่ต้องครอบคลุมทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการจัดทำแผนในส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับโรงงานโดยรอบที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน ซึ่งบางโรงงานอาจมีท่อก๊าซที่เชื่อมโยงกันด้วย อาจจะได้รับผลกระทบหรือเป็นอันตรายได้ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบกิจการ และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน” นายวีริศ กล่าว.-517.-สำนักข่าวไทย