ปส.จับยาเสพติดลอตใหญ่ ยึดยาบ้าเกือบ 13 ล้านเม็ด

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – ตำรวจปราบปรามยาเสพติดโชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง จับยาเสพติดลอตใหญ่ก่อนปีใหม่ ยึดของกลางยาบ้าเกือบ 13 ล้านเม็ด ไอซ์ 20 กิโลกรัม


พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทมนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 10 คดี ที่ถูกจับกุมในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 23 คน ยึดของกลางยาบ้าได้เกือบ 13 ล้านเม็ด ไอซ์ 20 กิโลกรัม กัญชา 605 กิโลกรัม เคตามีน 10 กิโลกรัม เฮโรอีน 2 กิโลกรัม และฝิ่นดิบอีก 4 กิโลกรัม

คดีสำคัญคดีแรกคือ การจับกุมนายวันชัย ทองมี กับพวกรวม 5 คน มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกัน พร้อมยึดของกลางยาบ้า 7.2 ล้านเม็ด รถบรรทุก รถยนต์ รวม 3 คัน โดยเครือข่ายนายวันชัยมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากกลุ่มผู้ว่าจ้างจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ตำรวจจึงเฝ้าสังเกตการณ์จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้ที่ปั๊มน้ำมันริมถนนพหลโยธิน-วังน้อย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา


คดีที่ 2 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับเตำรวจประจำด่านตรวจยานพาหนะชุมพร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมนายอดิศร โสภณภักดี พร้อมของกลางยาบ้า 5 ล้านเม็ด ขณะที่นายอดิศรพยายามลำเลียงยาบ้าซุกซ่อนใส่กระสอบ 25 กระสอบ ใส่มาในรถบรรทุก ทะเบียนเชียงใหม่ ลำเลียงมาจากภาคเหนือเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามค้นหารถบรรทุกต้องสงสัยตามเส้นทางถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี จนพบรถบรรทุกตรงตามที่ได้รับแจ้งจอดอยู่ในปั๊มน้ำมันแถววังมะนาว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมนายอดิศร คนขับ และยึดยาบ้าจำนวนดังกล่าว นอกจากนี้ยังตรวจค้นร่างกายนายอดิศรพบยาบ้าอีก 12 เม็ด ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวาด้วย จากนั้นตำรวจจึงขยายผลจับกุมผู้ที่มารับยาเสพติดในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้อีก 3 คน โดยมี 1 คนที่ไหวตัวหลบหนีไปได้ ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับแล้ว

นอกจากนี้ยังมีคดีการจับกุมกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศหลายคดี ทั้งยาไอซ์ 20 กิโลกรัม และเคตามีน 10 กิโลกรัม ที่พยายามจะลำเลียงออกนอกประเทศไปในรูปแบบต่างๆ แต่มีลักษณะคล้ายๆ กัน คือการซุกซ่อนยาเสพติดไปในพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ เพื่อส่งออกไปยังปลายทางประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา หรือซุกซ่อนในซองเครื่องดื่มเกลือแร่ และกล่องครีมเทียม ใส่ไปในกระเป๋าสัมภาระของแรงงานไทยที่จะไปประเทศอิสราเอล เป็นต้น

ด้านพลตำรวจเอกมนู ยืนยันช่วงเทศกาลปีใหม่ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจะเพิ่มความเข้มงวดสืบสวนหาข่าวการลักลอบขนยาเสพติดที่ปะปนมากับการเดินทางของประชาชนให้มากขึ้น โดยมั่นใจมาตรการคุมเข้มชายแดนทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ รวมถึงความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ นอกจากจะสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายแล้ว จะช่วยป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดได้ด้วย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง