ไฟไหม้ล้อรถน้ำมัน 40,000 ลิตร หวิดเกิดโศกนาฏกรรม

สระบุรี 7 ธ.ค.-ไฟไหม้ล้อรถบรรทุกน้ำมัน 40,000 ลิตร เจ้าหน้าที่ดับทัน หวิดลามเกิดโศกนาฏกรรม คนขับคาดยางระเบิด เกิดประกายไฟติดจุดข้อต่อเฟืองท้ายที่มีคราบน้ำมันเครื่องและจารบีหล่อลื่นติดอยู่


เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (6 ธ.ค.) เกิดเหตุการณ์โกลาหล หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากคนขับรถบรรทุกน้ำมัน และชาวบ้านบริเวณถนนบายพาสเลี่ยงเมืองสระบุรี ทางหลวงหมายเลข 362 กิโลเมตรที่ 30 หมู่ 2 ต.หนองนาก อ.หนองแค จ.สระบุรี ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้รถบรรทุกน้ำมัน จึงเร่งรัดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ สังเกตเห็นรถเทลเลอร์บรรทุกน้ำมันดังกล่าว ลักษณะจอดอยู่ริมถนน หันหน้าไปทางสี่แยกสัญญาณไฟ จุดแยกพระฉาย ก่อนข้าถนน มิตรภาพ ขณะนั้นมีกลุ่มควัน พวยพุ่งออกมาจากซุ้มล้อ ด้านท้ายรถเทลเลอร์ 22 ล้อ บรรทุกน้ำมัน ทะเบียนตัวลูกพ่วง 72-4585 สระบุรี ทะเบียนตัวหัวลาก 72-4598 สระบุรี ที่มีนายบุญนาค คลองเรียน อายุ 48 ปี เป็นคนขับ เจ้าหน้าที่จึงรีบกั้นถนน และพื้นที่โดยรอบ ห้ามไม่ให้รถที่วิ่งตามหลังมาผ่านบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ส่วนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาไหลที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ นำรถบรรทุกน้ำดับเพลิง เข้าสกัดเปลว ไฟที่กำลังไหม้ล้อรถ และใกล้จะลุกลามไปยังด้านบนที่ติดตั้งถังน้ำมัน พร้อมทั้งข้อต่อสายไม่ให้ลุกลามเสียหายไปมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาเกือบ 15 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

จากการสอบถามนายบุญนาค คนขับรถบรรทุกน้ำมัน บอกว่าขับรถมาจากสถานีคลังจ่ายน้ำมัน ในตำบลป๊อกแป็ก อ.เสาไห้ ขณะขับมาตามทางมุ่งหน้าจังหวัดขอนแก่น ช่วงลงเนินสะพานต่างระดับถนนพหลโยธิน เข้าถนนบายพาสเลี่ยงเมือง เพื่อไปออกถนนมิตรภาพได้ยินเสียงยางล้อรถ ระเบิดเสียงดังสนั่น บริเวณด้านท้ายรถบรรทุก จึงมองกระจกด้านข้าง เห็นมีกลุ่มเปลวไฟพร้อมทั้งกลุ่มควันพวยพุ่ง จึงพยายามจอดริมถนน เห็นเปลวไฟกำลังลุกไหม้ล้อรถ จึงรีบน้ำถังน้ำยาเคมีประจำรถ จำนวน 3 ถัง ฉีดใส่บริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ แต่เปลวไฟไม่มีทีท่าสงบหรือหยุดไหม้ ทำให้ตนเอง ต้องรีบวิ่งออกมาจากจุดเกิดเหตุ และรีบโทรศัพท์แจ้ง เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือดับไฟดังกล่าว โชคยังดีที่เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟได้ทัน เนื่องจากตนเองบรรทุกน้ำมันมาเต็มจำนวน 41,000 ลิตร หากไม่สามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้ จะเกิดความเสียหายรุนแรงแน่ๆ


ส่วนสาเหตุ นายบุญนาค คาดว่าเกิดจากขณะยางล้อระเบิด เกิดการเสียดสีของกระทะล้อกับผิวถนน ทำให้เกิดประกายไฟไปติดกับยางล้อ และจุดข้อต่อ เฟืองท้าย ที่มีน้ำมันคราบน้ำมันเครื่องและจารบีหล่อลื่นติดอยู่ ทำให้ติดไฟได้ และลุกลาม เป็นเปลวไฟและกลุ่มควัน ดังกล่าว

ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ คือ นายตุ่น อายุ 46 ปี เป็นพ่อค้าขายน้ำตาลสดอยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่าสังเกตเห็นเปลวไฟกำลังลุกไหม้ยางล้อรถ จึงรีบนำน้ำและน้ำแข็ง ที่ไว้แช่น้ำตาลสดมาช่วยดับไฟอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกคนขับไปสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง