ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด กนง.คงดอกเบี้ย 0.50%

กรุงเทพฯ  16 พ.ย. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดประชุม กนง. 18 พ.ย. คงดอกเบี้ย 0.50% รอประเมินความต่อเนื่องของสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น


บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ คณะกรรมการฯ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตามเดิม เนื่องจากทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/2563 หดตัวลง 6.4% YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ดีขึ้นจากที่หดตัวลง 12.1% YoY ในไตรมาสที่ 2/2563 ขณะที่หลังปรับปัจจัยฤดูกาลออก เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2563 พลิกกลับมาขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤตโควิด-19 มาแล้ว ดังนั้น ประเมินว่า กนง.จะยังไม่พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมรอบนี้ แต่จะเร่งเดินหน้ามาตรการอื่นที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย อาทิ มาตรการด้านการเงินและมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยสนับสนุนสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ และช่วยเสริมกลไกการทำงานของมาตรการกระตุ้นด้านการคลังได้

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าการแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาทนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ กนง.จะต้องให้ความสำคัญมากขึ้นในการประชุมรอบนี้ เพราะอาจมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม มองว่ามาตรการที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยน่าจะช่วยดูแลประเด็นการแข็งค่าของเงินบาทได้ตรงจุดกว่า ทั้งนี้ สัญญาณจากงานประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด (14 ต.ค.) สะท้อนว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตระหนักถึงแรงกดดันด้านแข็งค่าของเงินบาทซึ่งเป็นแนวโน้มที่ยากจะหลีกเลี่ยง และอยู่ระหว่างเตรียมหลายมาตรการ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งมาตรการเหล่านี้คงจะดำเนินการควบคู่ไปกับการดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท เพื่อลดความผันผวน และศึกษาความเหมาะสมของมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในระยะต่อไป


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสเผชิญกับอีกหลายปัจจัยเสี่ยงในระยะข้างหน้า ซึ่งกนง. สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้หากจำเป็น แม้ในกรณีพื้นฐาน กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า แต่คงต้องยอมรับว่าการดูแลให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจะยังเป็นโจทย์ที่มีความท้าทายค่อนข้างมาก เนื่องจากขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของหลายปัจจัย อาทิ การระบาดซ้ำของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ สถานการณ์ทางการเมืองของไทย ตลอดจนประสิทธิผลและความเพียงพอของมาตรการด้านเศรษฐกิจที่ออกไป หากเกิดสถานการณ์พลิกผันจนมีผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความจำเป็นของการผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมก็จะมีมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน อุ่นขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศร้อนตอนกลางวัน

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศเย็นกับมีหมอกตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และยอดภูอากาศหนาว

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก