กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – ราคาทองดิ่งแรง 1,200 บาท หลังไฟเซอร์ อิงค์ และ BioNTech แถลงผลการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% สวนทางหุ้นพุ่งทะลุ 1,300 จุด นายกสมาคมค้าทองคำให้จับตาราคาทองคำที่ 1,875 จุด ว่าจะรับอยู่หรือไม่
สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำ (96.5%) ในประเทศ เมื่อเวลา 09.27 น. ปรับตัวลดลงบาทละ 1,200 ตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลก โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 27,000.00 ขายออกบาทละ 27,100.00 ขณะที่ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 26,514.84 ขายออกบาทละ 27,600.00
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำร่วงแรงตาม ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับลงแรง 90 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงในวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 7 ปี หลังจากที่มีข่าวว่าไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่าผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำร่วงแรงมากกว่าที่คาด เพราะยังต้องติดตามว่าจะมีการนำวัคซีนออกมาใช้จริงเมื่อไหร่ และประสิทธิภาพเป็นอย่างไร รวมทั้งต้องติดตามว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีการฟ้องร้อง และประท้วงผลการเลือกตั้งที่นายโจ ไบเดน มีคะแนนนำและจะเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าจะยืดเยื้อ และรุนแรงหรือไม่ โดยให้จับตาราคาทองคำที่ 1,875 จุด ว่าจะรับอยู่หรือไม่ หากหลุดระดับดังกล่าวมีแนวโน้มที่ราคาทองจะไหลลงอีกถึง 1,800 จุด หรืออาจหลุดระดับ 27,000 บาท สำหรับราคาทองคำในประเทศ คำแนะนำระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำจะมีการฟื้นตัว นักลงทุนต้องเข้า-ออกเร็ว ส่วนระยะยาวมองราคาทองคำยังเป็นขาลง
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด แนวโน้มราคาทองคำคาดฟื้นตัว ซึ่งราคาทองคำควรยืนเหนือแนวรับสำคัญ 1,850 ดอลลาร์ให้ได้ ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแรงเทขายอีกรอบและจะมีแนวรับถัดไป 1,837 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,880 ดอลลาร์ และ 1,900 ดอลลาร์
ส่วนตลาดหุ้นตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้าพุ่งกว่า 44 จุด ดัชนี SET เปิดที่ 1,330.14 จุด เพิ่มขึ้น 44.26 จุด หรือเพิ่มขึ้น 3.44% ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,300 จุด ตอบรับปัจจัยบวกสำคัญ คือ ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 หลังจากบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐและเยอรมนีประกาศผลสำเร็จของการทดลองที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากกว่า 90% โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและท่องเที่ยวโดยเฉพาะโรงแรมและสายการบินดีดตัวขึ้นมาแรง นำโดย AOT เพิ่มขึ้น 18.78% , MINT เพิ่มขึ้น 22.95 %, AAV เพิ่มขึ้น 20.13 % .-สำนักข่าวไทย