กรุงเทพฯ 28 ต.ค. – SCGP โชว์ 9 เดือน แม้มีผลกระทบโควิด-19 แต่กำไรเพิ่ม 22% ไม่ห่วงแม้สถานการณ์ยังผันผวน มั่นใจธุรกิจหลากหลายและกระจายตลาดในประเทศ จะช่วยลดความเสี่ยงและดันยอดขายปี 64 แตะ 100,000 ล้านบาท
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2563 โดยมียอดขาย 23,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 ที่ 8% แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนจะลดลง 5%
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนปีนี้ มีรายได้จากการขาย 69,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับอี-คอมเมิร์ซ และบรรจุภัณฑ์สำหรับฟู้ดเดลิเวอร์รี่ ขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 หลังจากผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าคงทนที่มีมูลค่าสูงในช่วงก่อนหน้านี้ รวมทั้งความต้องการบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนามเติบโตขึ้นภายหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่มั่นใจว่าจากประเภทของสินค้าที่มีความหลากหลาย และมีการกระจายลูกค้าไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเชีย ที่มีความต้องการสินค้าบรรจุภัณฑ์สูงจะช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจ จึงมั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ยอดขายจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และแตะ 100,000 ล้านบาทได้ในปี 2564
ทั้งนี้ หลัง SCGP ระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยวางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ทั้งขยายการลงทุนและการควบรวมกิจการ ปัจจุบันโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวในเวียดนามเริ่มดำเนินการแล้ว และมีอีก 3 โครงการ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วยงบลงทุนรวมกว่า 7,700 ล้านบาท จะทยอยเสร็จปี 2564 ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ และโครงการขยายกำลังผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวในไทย โดยคาดว่าจะสามารถเดินหน้ากำลังการผลิตครบทุกโรงงานเต็มศักยภาพปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 ทำให้ SCGP มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 9,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย