ประมวลภาพชุมนุมก่อนประกาศยุติ-รวบแกนนำ

กรุงเทพฯ 15 ต.ค.- หลังเมื่อวานนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรได้ปักหลักชุมนุมรอบทำเนียบฯ แต่ที่สุดหลังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ทำให้แกนนำประกาศยุติการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า พร้อมนัดผู้ชุมนุมไปรวมตัวที่ราชประสงค์ในเวลา 4 โมงเย็น แต่หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ได้เข้ารวบแกนนำและผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง


โดยก่อนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งมีผล 04.00 น.วันนี้ ช่วงประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ทาง พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ได้แถลงถึงสถานการณ์การชุมนุมที่มีการปรากฏอย่างชัดเจนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ใช้กำลังประทุษร้ายต่อเจ้าพนักงาน เป็นการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งมีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมหลายครั้งแต่ก็ยังกระทำผิดซ้ำๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และยังมาชุมนุมในพื้นที่หวงห้าม ยืนยันที่ผ่านมา ตำรวจได้เจรจากับแกนนำมาโดยตลอดเพื่อให้การชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย แต่ก็มีการกระทำความผิดต่อเนื่อง จึงประกาศเตือนผู้ชุมนุมให้ยุติการชุมนุมไม่เกินเที่ยงคืน มิเช่นนั้นจะถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายจะต้องถูกดำเนินคดี

ต่อมา ในเวลา 04.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีเนื้อหาระบุว่า โดยที่ปรากฏว่ามีบุคคลหลายกลุ่มได้เชิญชวน ปลุกระดม และดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่มีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐ หรือบุคคล อันมิใช่การชุมนุมโดยสงบที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกทั้งยังกระทบโดยตรงต่อสัมฤทธิผลของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะเปราะบาง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขกรณีดังกล่าวให้มีการยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทันท่วงที เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม จึงอาศัยอำนาจตามความมาตรา 5 และ 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป


พร้อมกันนี้ ได้ออกประกาศคำสั่งแต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง รวมถึงบังคับบัญชาและสั่งการส่วนราชการ และข้าราชการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อความสงบเรียบร้อย

นอกจากนั้น ยังมีข้อกำหนดต่างๆ
1.ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
2.ห้ามเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้แพร่หลาย ซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด รวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีข้อความทำให้เกิดความหวาดกลัว บิดเบือนข่าว เกิดความเข้าใจผิด กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
3.ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ ฯลฯ ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด
4.ห้ามใช้ เข้าไป หรืออยู่ในสถานที่ใดๆ ฯลฯ ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด

  1. ในการดำเนินการตามข้อ1-4 หัวหน้าผู้รับผิดชอบจะกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการปฏิบัติตามข้อกำหนด

จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าประกาศเรื่องการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพ โดยห้ามมีการชุมนุม จึงขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมและออกจากพื้นที่ทั้งหมด ขณะเดียวกัน มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ากระชับพื้นที่


ทางด้าน นายอานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร ประกาศให้มวลชนออกจากพื้นที่ โดยใช้ถนนนางเลิ้ง พร้อมระบุให้ผู้ชุมนุมไปรวมตัวชุมนุมกันที่แยกราชประสงค์ ในเวลา 4 โมงเย็น วันนี้

และในเวลาประมาณ 05.00 น. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมแกนนำหลายคน ทั้งทนายอานนท์ นำภา, แพนกวิน และ ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก