เตรียมร้องนายกฯสอบสปสช.

กรุงเทพฯ 5 ต.ค.-“ศรีสุวรรณ” พร้อมผู้ป่วยบัตรทองเตรียมไปยื่นหนังสือถึงนายกฯพรุ่งนี้ ขอตั้งกรรมการตรวจสอบผู้บริหารสปสช. หลังได้รับผลกระทบจากการยกเลิกบัตร


นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า พรุ่งนี้(6 ต.ค.) จะไปยื่นคำร้องที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ตรวจสอบกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแถลงยกเลิกสัญญาการให้บริการบัตรทองของสถานพยาบาลในกทม.หลายครั้ง หลังจากตรวจพบการทุจริตการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจำนวนมาก ส่งผลให้ขณะนี้ยกเลิกไปแล้วทั้งสิ้น 190 แห่ง กระทบประชาชนรวมกว่า 2 ล้านคน ซึ่งมีการตั้งคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเป็นเท็จ โดยมีอัยการอาวุโส สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายประเมินผล เป็นประธาน พุ่งเป้าที่โรงพยาบาล คลินิกเอกชน ซึ่งมีทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกอายุรกรรม และคลินิกทันตกรรม โดยไม่ได้แยกปลาแยกน้ำให้ชัดเจน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยต้องหาสถานพยาบาลแห่งใหม่กันโกลาหล และเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ป่วยอย่างมาก จากเดิมที่เดินทางไปตรวจรักษาโรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้บ้าน ใช้เวลาไม่มากนัก แต่กลับต้องไปหาสถานที่ตรวจรักษาในสถานที่แห่งใหม่ ซึ่งต้องไปแย่งกันเข้าคิวรอ ใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวันกว่าจะถึงคิว ผลจากปัญหาดังกล่าวไม่มีใครพูดถึงหรือกล่าวถึง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหาร สปสช และพนักงานเจ้าหน้าที่ของ สปสช. ที่อนุมัติการเบิกจ่ายค่าบริการที่ไม่ถูกต้องของ 190 สถานพยาบาลดังกล่าว หรืออาจจะมากว่า 190 แห่ง ที่อาจเกิดขึ้นมานาน


“ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่มีพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 กระทั่งมีอดีตผู้บริหารสปสช. บางคนออกมาตั้งคลินิกทั่วทั้งกทม.และปริมณฑลมากมายหลายสาขาจนเป็นที่ผิดสังเกต เพราะระดมหาผู้มาขึ้นทะเบียนในแต่ละคลินิกจำนวนมาก เมื่อเทียบกับศักยภาพการตรวจรักษา และในแต่ละปีจะมีการทำเอกสารเรียกเก็บค่าใช้จ่ายไปยังสปสช. ในอัตราสูงมากจนผิดสังเกต แต่สปสช. กลับไม่เอะใจหรือทำอะไร แสดงว่าอาจมีคนวงในที่ล่วงรู้ระบบกลไกการทุจริตดังกล่าวมานานแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ แต่เมื่อเรื่องเหล่านี้เกิดเป็นข่าวครึกโครมขึ้นมา กลับเบี่ยงเบนประเด็นไปเล่นงานโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนแทน เพื่อกลบเกลื่อนฝุ่นที่ซุกอยู่ใต้พรมของสปสช.ใช่หรือไม่” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยและผู้ป่วยบัตรทองทั่วกทม. พนักงานเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลต่าง ๆ เกือบพันคนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของสปสช.จะร่วมกันไปยื่นคำร้องต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการพิเศษมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้บริหารสปสช. ว่าเข้าข่ายการทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่ รวมทั้งเสนอทางออกของการแก้ไขปัญหาด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง