นิด้าโพล เผย 48.24% หนุนปรับ ครม.โดยเร็วที่สุด

นิด้า 20 เม.ย.- นิด้าโพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน พบ 48.24% เห็นว่าจำเป็นต้องปรับ ครม.โดยเร็วที่สุด และมองว่า กระทรวงพาณิชย์ ควรเปลี่ยนมากสุด


ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “ปรับ ครม. วันไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่างเกี่ยวกับความคิดเห็นต่อการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงการปรับเปลี่ยนกระทรวงในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า


กระทรวงพาณิชย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 57.02 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 41.60 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวอย่าง ร้อยละ 48.55 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 49.47 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงการคลัง ตัวอย่าง ร้อยละ 46.49 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 51.98 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.22 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
สำนักนายกรัฐมนตรี ตัวอย่าง ร้อยละ 44.43 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 52.82 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 2.67 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงแรงงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 43.89 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 54.05 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงมหาดไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 43.82 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 54.58 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.22 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงกลาโหม ตัวอย่าง ร้อยละ 42.52 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 55.57 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงคมนาคม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.53 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 56.56 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงศึกษาธิการ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.22 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 57.10 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงยุติธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.07 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 56.79 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงสาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 40.61 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 57.71 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงพลังงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 38.09 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 60.53 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวอย่าง ร้อยละ 38.09 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 58.17 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 3.28 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.26 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 60.69 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 3.59 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงอุตสาหกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 61.83 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 34.20 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 62.90 ระบุว่าไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 2.44 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 34.04 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 61.53 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 4.12 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง ร้อยละ 33.66 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 63.97 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 1.91 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 33.59 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 62.98 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 2.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
กระทรวงวัฒนธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 31.76 ระบุว่า ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 64.66 ระบุว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน ร้อยละ 3.12 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 48.24 ระบุว่า จำเป็นต้องปรับ ครม. โดยเร็วที่สุด รองลงมา ร้อยละ 16.18 ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องปรับ ครม. ร้อยละ 15.50 ระบุว่า การปรับ ครม. ควรรออีก 3 เดือน ร้อยละ 10.07 ระบุว่า การปรับ ครม. ควรรออีก 6 เดือน ร้อยละ 6.95 ระบุว่า การปรับ ครม. ควรรออีก 1 ปี และร้อยละ 1.53 การปรับ ครม. ควรรออีก 9 เดือน และไม่ตอบ/ไม่สนใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.28 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก โดยตัวอย่าง ร้อยละ 47.94 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.06 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่าง ร้อยละ 12.13 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.79 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.34 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 25.80 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 95.19 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 4.12 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.69 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

ตัวอย่าง ร้อยละ 35.49 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.60 สมรส และร้อยละ 1.91 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.46 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 19.77 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 35.04 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.01 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 30.38 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 5.34 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี

ตัวอย่าง ร้อยละ 11.83 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.33 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.30 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 11.37 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 15.04 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 17.56 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.57 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

ตัวอย่าง ร้อยละ 19.08 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 3.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 13.59 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 32.99 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 12.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 6.87 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 1.83 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 1.60 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.15 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.23 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.61 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 6.79 ไม่ระบุรายได้ .312.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ไม่พบตามที่มีการแจ้ง และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ประธาน กกต. เผยในการเลือกตั้งตรวจดูตามหน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเรื่องการนับคะแนน เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่าขานคะแนนไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน แสงสว่างน้อย จึงขอให้ขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ เพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เกิดความสงสัย และหากมีฝนตกก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะหากไฟฟ้าดับ ส่วนผู้ใช้สิทธิจะมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้ตังเป้าไว้ร้อยละ 70 เพราะดูจากการมาใช้สิทธิตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ขณะที่การนับคะแนน หลังปิดการลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนหัวหินวิทยาคม ซึ่งมี 6 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งหมดเวลาปิดการลงคะแนน และเริ่มการนับคะแนนทันที โดยเป็นการนับคะแนนนายกเทศมนตรี และมานับคะแนนสมาชิกสภาเทศบาล ท่ามกลางตัวแทนผู้สมัครมาเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับการเลือกตั้งเทศบาลมีจำนวน 2,463 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โรงสีข้าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โกดังโรงสีข้าว หลังคาทะลุ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ด้านโรงสีไม่ได้แจ้งความหรือดำเนินคดี