กรมราชทัณฑ์ 1 ต.ค.-รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายขับเคลื่อนงานราชทัณฑ์เน้น คุมปริมาณนักโทษ พร้อมรับปากไม่ย้าย ผบ.เรือนจำ กรณีมีนักโทษแหกคุกแล้วหาไม่เจอใน 48 ชั่วโมง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบายการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564ให้แก่ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์และผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนิน งานสำคัญของกรมราชทัณฑ์ โดยมีนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรม ราชทัณฑ์คนใหม่ ให้การต้อนรับ พร้อมกับผู้บัญชาการเรือนจำและทัณฑสถาน 143 แห่ง จากทั่วประเทศร่วมรับฟัง
นายสมศักดิ์ กล่าวเน้นย้ำในเรื่องที่เคยให้นโยบายไว้คือเรื่องผู้ต้องขังล้นเรือนจำ ตอนนี้กรมตั้งเป้ารับผู้ต้องขังเต็มที่ในพื้นที่ที่มีอยู่ไว้ที่ 3 แสนคน แต่เวลานี้ยังมีผู้ต้องขังอยู่ 3.4 แสนคน ตรงนี้เป็นหน้าที่ของกรมฯต้องคิดว่าจะทำอย่างไร หรือ ผบ.หวงนักโทษ ไม่อยากให้เขาไปอยู่ในที่ไม่ล้นหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงทำไมถึงเป็นเช่นนั้นทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลในปีนี้ผู้ต้องขังต้องไม่แออัด หรือหากจะแออัดก็เป็นเพียงชั่วคราว เพื่อรอการโอนย้าย
ส่วนการปล่อยตัวผู้ต้องขังหลังพ้นโทษจะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เหมือนการจะปล่อยเสือเข้าป่าจะต้องมีการปรับตัวให้หากินเองได้บ้างแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือกรณีนักโทษแบบนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง หากปล่อยไปเลยก็กลับไปทำผิดอีก จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง วันนี้มีกำไลEMและมีศูนย์JSOC ที่สามารถติดตามได้ และให้สังคมช่วยติดตาม แต่ต้องมีวิธีอื่นเพื่อให้เขาอยู่ในสังคมได้ด้วย เช่น การฝึกอบรมอาชีพ ฝึกการอยู่ร่วมกับคนในสังคมปกติ
นอกจากนี้ได้เน้นย้ำเรื่องอาหารสำหรับนักโทษในเรือนจำ นายสมศักดิ์ ระบุว่าการตรวจสอบเรื่องคุณภาพอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญจะหย่อนยานไม่ได้ แม้ว่าจะได้งบประมาณน้อยกว่าหน่วยงานอื่น แต่ต้องบริหารให้ดี ดูให้ดีดูให้ครบถ้วน ทุกอย่างต้องเดินไปข้างหน้าอย่าปล่อยให้งานหละหลวม ทุกอย่างต้องมีเหตุผล หากมีปัญหาต้องตอบคำถามสังคมได้
ในช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยมี ผบ.เรือนจำ สะท้อนถึงปัญหา กรณีนักโทษหลบหนี หากตามตัวนักโทษไม่ได้ภายใน 48 ชั่วโมง ผบ.เรือนจำนั้นจะถูกย้าย ซึ่งเป็นนโยบาย ที่ส่วนคิดคิดว่าไม่เหมาะสมอยากให้แก้ไข โดยนายสมศักดิ์ ตอบรับปากว่า
“ได้ และเข้าใจในประเด็นนี้เพราะนักโทษที่หลบหนีจะมีโทษที่สูงอยู่แล้ว และมีลักษณะที่พิเศษกว่านักโทษปกติทั่วไป พร้อมกับฝากไปยังเรือนจำ ให้ดูโครงสร้างเรือนจำว่ามีความบกพร่อง ช่องโหว่ ให้ผู้ต้องขังคิดหลบหนีหรือไม่ ขอให้ปิดช่องโหว่ให้หมดและอยากให้เน้นเรื่องการเสียชีวิตของนักโทษในเรือนจำมากกว่า หากสูงเกินปกติจะถือว่า ผบ.เรือนจำนั้น มีความผิดที่ร้ายแรงและขอให้ทุกท่านทำงานอย่างตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นหน่วยงานที่ประชาชนเข้าถึงและพึ่งได้ เชื่อว่าทุกเรือนจำทำได้”.- สำนักข่าวไทย