นนทบุรี 7 ก.ย. – ลูกสาวลุงแท็กซี่เจาะยางรถรองนายกเทศบาลตำบลบางม่วง และรถเจ้าหน้าที่ รวม 5 คัน เข้าเจรจาชดใช้ค่าเสียหายแทนพ่อ
กรณีคนขับรถแท็กซี่ก่อเหตุใช้เหล็กแหลมแทงยางรถยนต์ของนางนิทรา ประเสริฐ รองนายกเทศบาลตำบลบางม่วง ที่จอดอยู่ในโรงจอดรถของเทศบาลตำบลบางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และมีรถยนต์เจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ถูกแทงยางได้รับความเสียหาย รวม 5 คัน เมื่อช่วงสายของวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทราบตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายสมุทร เจริญเมือง อายุ 72 ปี คนขับรถแท็กซี่สีเหลือง ทะเบียน ทษ 8456 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท สหกรณ์แท็กซี่ธนาสยาม จำกัด ซึ่งหลังจากก่อเหตุ นายสมุทรได้นำรถแท็กซี่ไปคืนที่อู่ และไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลย ตำรวจประสานไปทางญาติของนายสมุทร ให้นำตัวมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อพูดคุยเรื่องชดใช้ค่าเสียหาย โดยทางญาติพยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ พนักงานสอบสวนจึงเตรียมออกหมายเรียก
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (6 ก.ย.) พ.ต.ท.รักเกียรติ แก้วทา สว.(สอบสวน) สภ.บางใหญ่ ได้รับแจ้งจาก น.ส.ณัฐดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ลูกสาวของลุงโชเฟอร์แท็กซี่ ว่าจะนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายทั้งหมด โดยให้นัดผู้เสียหายมาพบและพูดคุยกันที่ สภ.บางใหญ่
จากนั้น นางนิทรา ประเสริฐ รองนายกเทศบาลตำบลบางม่วง พร้อมผู้เสียหายอีก 4 ราย เดินทางมาพบที่ สภ.บางใหญ่ พูดคุยตกลงค่าเสียหายกับลูกสาวของลุงโชเฟอร์แท็กซี่ ซึ่งยินดีชดใช้ให้กับผู้เสียหายทุกราย ซึ่งความเสียหายของล้อรถยนต์แต่ละรายมีราคาไม่เท่ากัน รวมทั้งหมด 12 ล้อ เป็นเงินทั้งสิ้น 30,000 บาท โดยทางผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ซึ่งทางลูกสาวได้ยกมือไหว้ขอโทษผู้เสียหายทุกคนแทนพ่อที่ทำให้เดือดร้อน
นางนิทรา ประเสริฐ รองนายกเทศบาลตำบลบางม่วง กล่าวว่า หลังจากที่ลูกสาวของลุงโชเฟอร์แท็กซี่เข้ามารับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด ก็รู้สึกพอใจ หลังได้รับทราบเรื่องราวของคุณลุงจากปากของลูกสาวเขาแล้วว่า มีอาการทางประสาท และเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ทางครอบครัวต้องตามชดใช้ ก็เกิดความเห็นใจเขา จึงยินยอมไม่ติดใจเอาความ แต่อยากให้ทางครอบครัวหาวิธีพาลุงไปรักษา เพราะเกรงว่าถ้าลุงไปทำกับผู้โดยสาร จะเกิดความสูญเสียมากกว่านี้
ขณะที่ น.ส.ณัฐดา ลูกสาวลุงขับแท็กซี่ เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อพ่อได้ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เมื่ออาซึ่งเป็นน้องชายพ่อ ทราบข่าวจากสื่อฯ ก็รีบโทรศัพท์บอกตนว่าจะโอนเงินมาให้ เพื่อนำไปชดใช้ให้กับผู้เสียหาย ตนจึงติดต่อมาทางตำรวจ เพื่อให้ประสานผู้เสียหายเข้ามาเจรจาพูดคุยกันเรื่องค่าเสียหาย สุดท้ายก็สามารถตกลงกันได้ และทางผู้เสียหายก็ไม่ติดใจเอาความ ตนจึงขอโทษแทนพ่อที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้เสียหาย. – สำนักข่าวไทย