กรมราชทัณฑ์ 5ก.ย.-อธิบดีราชทัณฑ์ชี้การห้ามจำหน่ายบุหรี่ในเรือนจำ ดำเนินการด้วยความเหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย และเกิดประโยชน์กับผู้ต้องขัง
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเดินทางมายื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณา สั่งการให้กรมราชทัณฑ์มีการทบทวนหรือยกเลิกนโยบายที่ห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบและหรือยาเส้นในร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขังในเรือนจำหรือในทัณฑสถานทุกแห่งทั่วประเทศ เนื่องจากอาจไม่ชอบด้วยกฏหมายหลายประการเพราะบุหรี่หรือยาเส้นมิได้เป็นสิ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อีกทั้งเชื่อว่าการบังคับให้บุคคลเลิกสูบบุหรี่ไม่สามารถทำให้เลิกได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงอาจเป็นการเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายในเรือนจำนั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ก่อนที่จะมีนโยบายเลิกจำหน่ายบุหรี่ในเรือนจำได้มีการสำรวจผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศติดบุหรี่ถึง 40% และส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังที่ไม่สูบบุหรี่ เพราะสภาพภายในเรือนจำค่อนข้างแออัดเมื่อมีนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้น ก็พบว่ามีผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจลดลง ลดปัจจัยคุกคามของโรคในกลุ่มผู้ต้องขังป่วยเรื้อรังเช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองตีบ ส่งผลให้ลดภาระทางการรักษาพยาบาลลงอย่างมาก ซึ่งก็เป็นประโยชน์แก่ตัวผู้ต้องขังเองและเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเลิกบุหรี่
นอกจากนี้นโยบายดังกล่าวได้มีการหารือร่วมกันหลายฝ่าย มีการวางแนวทางอย่างถูกต้องและมีโครงการนำร่องเพื่อทดสอบความเหมาะสมในการลดละเลิกบุหรี่ของผู้ต้องขัง โดยมีกระบวนการรณรงค์เลิกสูบบุหรี่มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547จนถึงปี พ.ศ.2562 จึงได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามราชกิจจานุเบกษา เรื่องกำหนดเพิ่มเติมสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2562 ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งการยกเลิกการจำหน่ายยาสูบและหรือบุหรี่ยาเส้นภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศดังกล่าวมีการรณรงค์อย่างค่อยเป็นค่อยไป มิได้มีการดำเนินการรวดเร็วแต่อย่างใด อีกทั้งในเรือนจำก็ยังมีสถานพยาบาลและเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้การเลิกบุหรี่ส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังน้อยที่สุดและในส่วนที่กล่าวว่าอาจเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ลักลอบนำมาจำหน่ายในเรือนจำนั้น ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถสูบบุหรี่ หรือนำบุหรี่เข้าภายในเรือนจำทัณฑสถานได้ ซึ่งหากมีการลักลอบเกิดขึ้นการกระทำดังกล่าวมีความผิดทางกฎหมายและผู้ที่ลักลอบนำเข้าจะต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างถึงที่สุด
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จึงขอให้ประชาชนและทุกฝ่ายมั่นใจได้ว่า นโยบายดังกล่าว ดำเนินการไปด้วยความเหมาะสมเป็นไปตามกฎหมายและเกิดประโยชน์กับผู้ต้องขังอย่างมาก –สำนักข่าวไทย