กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยสำนักข่าวต่างประเทศจัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าเป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน โดยใช้ระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจเพียง 6 วัน และมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนเพียง 5 ขั้นตอน สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการพัฒนาการให้บริการภาครัฐให้มีความสะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจให้สั้นและกระชับมากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์ U.S.News & World Report (www.usnews.com/news/best-countries/best-start-a-business) ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่เผยแพร่ข่าวความเห็นและการจัดอันดับต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลต่อชาวอเมริกัน ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 ว่า ไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยเมื่อปี 2019 U.S.Newsฯ ก็ได้จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่เหมาะในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกเช่นกัน สำหรับผลการสำรวจมาจากการสอบถามผู้บริหารในวงการธุรกิจ 6,000 คนทั่วโลก พิจารณาจากสิ่งแวดล้อมการทำธุรกิจ 5 ด้าน คือ 1.การบริหารจัดการมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง 2. ระบบราชการที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ 3. ต้นทุนการผลิตต่ำ 4. การติดต่อการค้ากับต่างประเทศ และ 5. ความสามารถการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย
นายวุฒิไกร กล่าวว่า การจัดอันดับสะท้อนถึงการพัฒนาการให้บริการภาครัฐในส่วนของการเริ่มต้นธุรกิจที่มีความสะดวก รวดเร็ว สอดรับกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นเจ้าภาพหลักด้านการเริ่มต้นธุรกิจที่ธนาคารโลกใช้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ จากสมาชิก 190 ประเทศทั่วโลก เพื่อจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business ทุก ๆ ปี โดยรายงาน Doing Business 2020 ประเทศไทยอยู่ในอันดับรวมที่ 21 และอยู่ในอันดับที่ 47 ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ โดยการเริ่มต้นธุรกิจของไทยมี 5 ขั้นตอน ใช้ระยะเวลา 6 วัน ประกอบด้วย การจองชื่อบริษัท การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง
“ปีนี้กรมฯ จะพัฒนาประสิทธิภาพเพื่อให้การบริการเริ่มต้นธุรกิจดียิ่งขึ้น ลดระยะเวลาและขั้นตอนการบริการให้น้อยลงอีก โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมสรรพากร และสำนักงานประกันสังคม รวมทั้งนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้อันดับของการเริ่มต้นธุรกิจดีขึ้นกว่าปี 2020 เป็นการส่งเสริมบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการเริ่มต้นธุรกิจ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายสำคัญที่นักลงทุนชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้น” นายวุฒิไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย