กรุงเทพฯ 2 ส.ค. – รถไฟฟ้าสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต” วุ่นไม่เลิก!! ลุ้นเปิดปี 64 สะดุดปัญหางานส่วนเพิ่ม (VO) ทำไปแล้ว มูลค่างาน 10,345 ล้านบาท เอกชนขอเคลมค่างาน มึนไม่รู้เอาจากไหน หลังชัดเจนใช้เงินไจก้าไม่ได้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต) หลังสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกรมการขนส่งทางราง บอร์ด และผู้บริหาร การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จากปัญหาที่มีขณะนี้นอกจากกำหนดการเปิดให้บริการตามแผนเดิม รฟท.วางกำหนดการที่โครงการจะเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเดือนมีนาคมปี 2564 และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการปลายปีเดียวกัน แต่ขณะนี้โครงการประสบปัญหาความล่าช้าในส่วนของการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเอกชนผู้รับเหมางานขอขยายระยะเวลาก่อสร้างมากกว่า 500 วัน แต่บอร์ด รฟท.อนุมัติขยายระยะเวลาเพียง 87 วันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีปัญหาบริหารการเดินรถ ซึ่งกระทรวงคมนาคมเห็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณควรใช้วิธีร่วมทุนแบบ PPP เอกชนมาร่วมทุนบริหารการเดินรถ โดยแนวทางดังกล่าวอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้
ขณะเดียวกันนายศักดิ์สยาม ยอมรับว่า ยังพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับงานส่วน Variation Order (VO) วงเงิน 10,345 ล้านบาท ซึ่งถูกระบุเป็นค่างานระบบอาณัติสัญญาณ, ภาษี และค่าจ้างที่ปรึกษา ที่ดำเนินไปแล้ว ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้เงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) รวมทั้งโครงการที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2555 มีการขยายกรอบวงเงิน 2 ครั้ง จนล่าสุดมีวงเงินก่อสร้างรวม 93,950 ล้านบาท และคงจะไม่สามารถใช้เงินกู้จากไจก้าในส่วนของงาน VO ได้อีก
“สั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการนี้ในช่วงที่ผ่านมาไปหาข้อมูลและทำให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย สามารถทำโครงการอื่นได้มากมาย และขณะนี้จะต้องศึกษาดูความเป็นไปได้ว่าจะไปหาวงเงินก้อนนี้จากไหน เพราะหากจะขอจัดสรรจากงบประมาณ การดำเนินการต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานทำข้อมูลให้ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ ” นายศักดิ์สยาม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับปัญหางานส่วนที่เพิ่ม VO ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงนี้เป็นงานที่เอกชนดำเนินการไปแล้ว และแจ้งให้หน่วยงานภาครัฐทราบเพื่อขอเคลมค่างาน ซึ่งประเด็นวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท หากภาครัฐปฏิเสธการชำระ ยังไม่เกิดความชัดเจนว่าเอกชนจะยอมแบกรับเงินลงทุนดังกล่าวหรือไม่ เพราะหากเอกชนไม่ยอมรับภาระ ยืนยันให้ภาครัฐจัดหาเงินค่างานมาชำระ ก็จะกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างภาครัฐกับเอกชนผู้รับงานอาจกลายเป็นค่าโง่ และไม่ทราบว่าจะกระทบต่อกำหนดการเปิดให้บริการหรือไม่ ขณะที่ข้อมูลเชิงลึกระบุว่าคนเซ็นอนุมัติให้มีการก่อสร้างงานส่วนเพิ่มเป็นเจ้าหน้าที่บริหารโครงการระดับเล็กมาก และเพื่อให้เกิดความชัดเจนเป็นไปได้ว่ากระทรวงคมนาคมจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนประเด็นดังกล่าว
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต) ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมขณะนั้น เสนอปรับกรอบวงเงินลงทุนรวมของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยมีกรอบวงเงินโครงการรวม 93,950 ล้านบาท จากเดิม 75,548 ล้านบาท ตามที่ รฟท.เสนอ โดยเป็นกรอบวงเงินที่ครอบคลุมงานปรับแบบรายละเอียดตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ไว้แล้ว และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการขยายวงเงินกู้เพิ่มเติมให้ครอบคลุมการปรับกรอบวงเงิน
ขณะเดียวกันมีข้อมูลระบุว่าการต้องขยายกรอบวงเงินอีก 10,345 ล้านบาท เป็นค่างานส่วนเพิ่มที่ครอบคลุมทั้งในสัญญาที่ 1 คือ งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและปรับเขตทางรถไฟ เพื่อให้ครอบคลุมจำนวนราง หรือ Track ที่มีในโครงการ รวมถึงงานส่วนเพิ่มสัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 3 เป็นระบบอาณัติสัญญาณด้วย ขณะที่มีรายงานข่าวจากผู้บริหารการรถไฟระบุว่าวงเงินสดเพิ่มนี้ในช่วงที่ผ่านมาสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง เคยรับทราบกรอบวงเงินแล้ว หลังจากไม่สามารถกู้เงินไจก้าได้ โดย สบน.ระบุว่าจะมีการจัดหาแหล่งเงินกู้ในประเทศหรือต่างประเทศเข้ามารองรับวงเงินดังกล่าว แต่ต้องมีการรายงานที่มาของแหล่งเงินกู้ใหม่ให้ไจก้าทราบด้วย.-สำนักข่าวไทย