สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ 24 ก.ค. – ปัญหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก ระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กับทรูวิชั่นส์ ที่ยืดเยื้อมานาน จบลงด้วยการที่สมาคมยืนยันโปรแกรมเดิม เริ่ม 12 กันยายน ขณะที่ทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดสดได้เพียง 25 ตุลาคมนี้เท่านั้น
นับตั้งแต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กับทรูวิชั่นส์ ลงนามเซ็นสัญญาลิขสิทธิ์ไทยลีก 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2560-2563 โดยทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดสดทั้ง 4 รายการ ประกอบด้วย โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก, ยามาฮ่า ลีก วัน, ช้าง เอฟเอ คัพ และโตโยต้า ลีก คัพ แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้มติของสโมสรสมาชิกมีการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการแข่งขันใหม่ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน จบในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ทำให้ทรูวิชั่นส์ เจ้าของลิขสิทธิ์ มองว่าการเลื่อนโปรแกรมฟุตบอลดังกล่าว ทางทรูวิชั่นส์ไม่มีส่วนในการตัดสินใจ และมีผลกระทบต่อรายได้หากเลื่อนออกไป ดังนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจึงส่งหนังสือตอบโต้กันไปมา เจรจาไม่ลงตัว โดยทางทรูวิชั่นส์ต้องการให้จบในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นสัญญาฉบับสุดท้าย ขณะที่ทางสมาคมต้องการให้เป็นไปตามโปรแกรมใหม่
กระทั่งล่าสุดวันนี้ นายองอาจ ประภากมล ตัวแทนจากทรูวิชั่นส์ เข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคม เพื่อเจรจาหาทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้น
หลังเสร็จสิ้นการประชุมตัวแทนทรูวิชั่นส์ ยืนกรานหนักแน่นเช่นเดิมว่าจะถ่ายทอดสดไทยลีกถึงวันที่ 25 ตุลาคมเท่านั้น แต่ถ้าสมาคมอัดโปรแกรมให้เตะครบ 26 นัด ภายในกรอบระยะเวลาดังกล่าว ทางทรูวิชั่นส์ก็พร้อมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในสัดส่วนที่เหมาะสม แต่ไม่พร้อมขยายสัญญาต่อถึงสิ้นปีนี้ เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว
ขณะที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยืนยันเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดแข่งขันไทยลีกให้จบภายในวันที่ 25 ตุลาคม เพราะโปรแกรมที่บีบอัดเกินไปเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ และปัญหาในเรื่องการเดินทางของสโมสร ซึ่งการเจรจาที่ไม่ลงตัว ทำให้ไทยลีกจะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้ตามเดิม
นอกจากนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หวังให้ทางรัฐบาลเข้าร่วมอุดหนุน และเตรียมเดินหน้าหาผู้สนับสนุนรายใหม่ เพื่อให้สโมสรสมาชิกได้ค่าลิขสิทธิ์ตามเดิม สำหรับสัญญาฉบับแรกของสมาคมกับทรูวิชั่นส์เกิดขึ้นเมื่อปี 2012-2014 ด้วยจำนวนเงิน 600 ล้านบาท ก่อนจะขยับมูลค่าในสัญญาฉบับที่ 2 เมื่อปี 2014-2016 ด้วยจำนวน 1,800 ล้านบาท และสัญญาสุดท้ายในปี 2017-2020 เป็นเงิน 4,200 ล้านบาท ก่อนมีรายงานว่าเซนส์ เอ็นเตอร์เทนเม้น จะได้ลิขสิทธิ์เจ้าต่อไป.-สำนักข่าวไทย