กรุงเทพฯ
25 ก.ค.-ตลาดทุนไทย-ค่าเงิน ถูกกดดันจากความตึงเครียดไทย-สหรัฐ “กสิกรไทย”ประเมินสัปดาห์หน้าค่าเงิน
เคลื่อนไหว 31.50-31.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,325 และ 1,300 จุด แนวต้านที่ 1,350 และ 1,365
จุด
บริษัท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า
1 เดือนครึ่งครั้งใหม่ แต่ภาพรวมการเคลื่อนไหวของเงินบาทตลอดสัปดาห์ ยังคงเป็นกรอบแคบ
โดยเงินบาทมีปัจจัยกดดันด้านอ่อนค่าจากปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ ประกอบกับทิศทางของสกุลเงินเอเชียถูกกระทบเป็นระยะจากสัญญาณที่มีความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ
และจีน อย่างไรก็ดีแรงเทขายเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวจากข่าวการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทไว้ได้บางส่วน
ในวันศุกร์
(24 ก.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.72 (หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งที่ 31.86) ทรงตัวจากระดับปิดในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ก.ค.
ด้านสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนฉุดหุ้นไทย โดยดัชนี SET
ปิดที่ระดับ
1,340.92 จุด ลดลง 1.37% จากสัปดาห์ก่อน
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 59,432.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.52% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 303.89 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป
(27-31 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่
31.50-31.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ด้าน บล.กสิกรไทย ประเมินดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่
1,325 และ 1,300 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,350 และ 1,365
จุด
ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการธนาคารกลาง หรือ เฟด
วันที่28-29 ก.ค. ประเด็นขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน สถานการณ์โควิด-19
สถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63
ของบริษัทจดทะเบียนฯ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/63
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายเดือนมิ.ย. ขณะที่
ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/63 ของยูโรโซน
กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และดัชนี PMI
เดือนก.ค. ของจีน รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.
ของญี่ปุ่น –สำนักข่าวไทย