กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – ผู้ว่าฯ ธปท.มั่นใจรัฐบาลและบุคลากรทางการแพทย์ คุมการระบาดของโควิด-19 กรณีทหารอียิปต์ได้ แต่หากเกิดกรณีเลวร้ายก็พร้อมออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติม ด้านรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ระบุแนวโน้มที่ไทยจะมีดอกเบี้ย 0% เป็นไปได้ยาก เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจไทยและต่างชาติมีความต่างกัน
ธนาคารแห่งประเทศจัดประชุมนักวิเคราะห์ ครั้งที่ 2/2563 เพื่อพูดคุยในประเด็นเศรษฐกิจ ซึ่งภายหลังการประชุมนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงกรณีการแพร่เชื้อของโควิด-19 จากทหารอียิปต์ล่าสุดนั้น เชื่อว่ารัฐบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุขจะรับมือได้ และไม่ต้องออกมาตรการควบคุมแรงเหมือนรอบแรก แต่หากเกิดการระบาดรอบ 2 ในไทย ธปท.ก็พร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมในการเข้ามาดูแลเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงิน พร้อมย้ำการออกมาตรการต่าง ๆ มีการพิจารณาและชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสีย เพราะทุกนโยบายไม่ฟรี
พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุด ซึ่งเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ และจะกลับมาฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3 พร้อมยืนยัน ธปท.ยังไม่หยุดใช้มาตรการดูแลเศรษฐกิจ แต่จะให้น้ำหนักไปที่การฟื้นฟูมากขึ้น และยืนยันไม่ใช้นโยบายประกาศพักชำระหนี้เป็นการทั่วไป เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงินได้ และอาจกระทบต่อวินัยการเงิน เนื่องจากยังมีผู้ประกอบการหรือลูกหนี้บางรายที่ยังมีความสามารถผ่อนชำระหนี้และดอกเบี้ยได้ตามปกติ อีกทั้งสถาบันการเงินยังมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก
ขณะที่ตัวเลขปล่อยกู้ซอฟท์โลนวงเงิน 500,000 ล้านบาท ล่าสุดสามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 103,000 ล้านบาท แม้จะต่ำกว่าเป้าหมาย แต่เงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ 2 ช่วง คือ การเยียวยาและการฟื้นฟูหลังภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการได้ตามปกติ ซึ่ง ธปท.เตรียมขอขยายระยะเวลาใช้เงินดังกล่าวออกไปอีกหลังครบกำหนดเวลาสิ้นเดือนธันวาคม 2563 รวมทั้งการหาแนวทางการเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น เช่น การให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันเพิ่ม เป็นต้น
ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. ระบุว่า กรณีที่ไทยจะใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0% นั้น เกิดขึ้นยาก ซึ่งที่ผ่านมาได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 3 ครั้งและมีสัญญาณตอบกลับที่ดีจากสถาบันการเงิน ซึ่งไทยไม่สามารถดำเนินอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำมากเหมือนต่างประเทศได้ เพราะมีบริบทและโครงสร้างที่ต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อผู้ออมเงินได้ .- สำนักข่าวไทย