รัฐสภา 9 ก.ค.- ฝ่ายค้านวอล์คเอาท์ไม่ร่วมพิจารณารายงานการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศ หลังขอให้รัฐบาลเอากลับไปทบทวนเพราะไม่มีความคืบหน้า แต่สภายังเดินหน้าพิจารณาต่อ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ รอบเดือนตุลาคม- ธันวาคม 2562 ซึ่งทันทีที่เข้าสู่วาระการประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน ยังคงย้ำว่า ไม่สามารถรับทราบรายงานฉบับนี้ได้ และขอวอล์คเอ้าท์การพิจารณาดังกล่าว โดยจะกลับเข้าสู่ห้องประชุมอีกครั้ง หลังการพิจารณาวาระดังกล่าวเสร็จสิ้น เพราะฝ่ายค้าน ไม่อยากเป็นตรายางให้คณะรัฐมนตรี รับทราบรายงานการปฏิรูป ที่ไม่ปรากฏความคืบหน้าการปฏิรูป รวมถึงในตัวรายงาน ยังอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ที่คณะรัฐมนตรี จะต้องรายงานความคืบหน้าให้สภารับทราบทุก ๆ 3 เดือน
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ชี้แจงการพิจารณาวาระดังกล่าวว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะต้องรายงานความคืบหน้าดังกล่าว ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสนอมายังสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว แต่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งแม้จะมาพิจารณาในวันนี้ ก็ยังคงอยู่ในห้วงเวลา ที่สามารถรายงานต่อสภาได้
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ขอให้สภาทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อกู้ภาพลักษณ์ของสภา พร้อมเรียกร้องให้ ส.ส.มาพิจารณารายงานการปฏิรูปประเทศอย่างตรงไปตรงมา และแม้จะไม่เห็นด้วยว่า คณะรัฐมนตรี จะส่งเพียงเอกสารรายงานความคืบหน้าทุก 3 เดือนก็ตาม เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญ บัญญัติให้สภาพิจารณารับทราบ ก็ต้องปฏิบัติตามกติกา ไม่ใช่เรื่องของตรายาง เพื่อกู้ภาพลักษณ์ของสภา และหากไม่เห็นด้วยในประเด็นใด ก็ส่งไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุง และให้รัฐบาลหันมาเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เห็นด้วยกับนายชินวรณ์ ที่สภาจะต้องมาพูดคุยกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และปฏิบัติตามหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติ ไม่ควรวอล์คเอ้าท์ จึงขอให้ ส.ส.ทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้น ที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณารับทราบ โดย ส.ส.ฝ่ายค้าน วอล์คเอ้าท์ออกจากห้องประชุม.-สำนักข่าวไทย