กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – นายกฯ ฉุน ส.ส. ก้าวไกล ขอให้ยุบสภา คืนอำนาจประชาชน โต้ปมเห็นต่างเป็นศัตรู ขู่กันกลางสภาไปมาให้ระวังตัวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 เมื่อช่วงค่ำวันนี้ (3 ก.ค.)พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจง นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายว่า นายกรัฐมนตรีมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู และเห็นว่าไม่สามารถเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณนี้ได้ เพราะเห็นว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศบริหารเศรษฐกิจอีกต่อไปจึงเสนอว่าไม่เพียงแต่การปรับคณะรัฐมนตรีเท่านั้นแต่ควรกลับไปสอบถามประชาชนว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อไปหรือไม่ต้องการนโยบายแบบไหน ที่จะนำพาประเทศไปต่อได้ด้วยการยุบสภา
“พรรคอื่นจะพร้อมหรือไม่พร้อมเราไม่ทราบแต่พรรคก้าวไกลเราพร้อมที่จะขอมติอีกครั้ง จากประชาชนสิ่งที่เราอยากให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและไม่ทันใจประชาชนคือตัวนายกรัฐมนตรี ดิฉันคิดว่าท่านต้องปรับทัศนคติเลิกเห็นว่าพวกที่เห็นต่างกับท่านเป็นพวกชังชาติพวกไม่หวังดีเลิกป้ายสีว่าคนที่เห็นต่างกับท่านเป็นพวกน่าคิดร้ายต่อสถาบันหลักของชาติ สิ่งที่ประชาชนรอมาตลอด 6 ปี คือ ตัวนายกรัฐมนตรีซึ่งจะรอต่อไปไม่ได้แล้วถึงเวลาแล้วที่ท่านควรจะยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้โต้ทันที โดยยืนยันว่าไม่เคยมองคนเห็นต่างเป็นศัตรูแต่มีคนบางคนมองกฎหมายเป็นศัตรูทุกกฎหมาย ระบุไม่อยากตอบคำถามแล้ว เพราะเป็นการพูดซ้ำไปซ้ำมา ทุกคนใช้คำถามเก่าและโจมตีประเด็นเดิมๆ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ได้ไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ว่าประชาชนที่สงสัยจะทำให้ประเทศแข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ข้อสงสัยต้องมีข้อยุติ ถ้าหาข้อสรุปไม่ได้ ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ซึ่งเราจะต้องดูว่าเราจะร่วมมือกันอย่างไร ระหว่างท่าน รัฐบาลและนักการเมือง มากกว่าจะเอาอันใดอันหนึ่งมาตัดสิน ตนทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ส. ซึ่งดูแลประชาชนทุกพื้นที่ หัวหน้ารัฐบาลต้องคิดแบบนี้ จังหวัดพร้อมก็ต้องให้งบประมาณ จังหวัดไหนไม่พร้อมก็สร้างคนก่อน อย่าเอาหลายเรื่องมาสับสน มันก็เหมือนกับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
“ก็ต้องถามประชาชน ผมก็ถามของผม ท่านก็ถามของท่าน ต่างคนต่างถาม แล้วเขาพอใจหรือไม่พอใจ หลายท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ผมยอมรับว่าพูดเก่ง แต่อย่ามากล่าวหาว่าผมใช้กฎหมาย ไปกับผู้เห็นต่าง กฎหมายก็อยู่ของกฎหมายเฉยๆ ผมก็นั่งอยู่ของผมเฉยๆ ใครผิดกฎหมายก็โดนลงโทษ จะให้ผมทำยังไง ให้ผมสั่งเขาได้ใช่ไหม ถ้าผมสั่งได้คงไม่เป็นแบบนี้ แต่ผมไม่ได้สั่ง ระวังตัวบ้างก็แล้วกัน กฎหมายมันมีผลบังคับใช้หมดทุกคน แม้กระทั่งผมเอง ผมก็ยอมรับกฏหมาย อย่ามาย้อนกลับไปวันก่อนนั้นอีก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ให้กลับไปย้อนดู ทุกคนก็บอกแล้ว ว่าความต้องการของประชาชนไม่มีสิ้นสุด ผมเข้าใจ แต่ท่านอย่าลืมว่าความต้องการของท่าน ได้รับสนองตอบอะไรแล้วบ้างในช่วงที่ผ่านมา ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แล้วเราจะก้าวต่อไปอย่างไร ถ้าจะก้าวต่อไปแบบนั้น ท่านต้องหาวิธี พูดอย่างเดียวไม่ได้ ซึ่งผมพร้อมที่จะให้หน่วยงาน ปรึกษาหารือกับท่าน แต่ไม่ใช่โต้เถียง ท่านชอบเรียกท้าทายกันข้างนอก อย่างนี้เรียกว่าท้าทายกัน ถ้าเถียงกันในหลักการ เถียงกันในกฎหมาย อย่างไรก็ไม่จบ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ที่นายกรัฐมนตรี พูดว่า ให้ระวังตัวไว้ด้วยก็แล้วกัน โดยถามว่าต้องระวังตัวเรื่องอะไรบ้าง และจะมีอันตรายอย่างไรบ้างที่ต้องระวังตัว จะได้เตรียมพร้อมไว้
ทำให้นายกรัฐมนตรี ตอบโต้ทันทีว่า ไปสร้างความเข้าใจแบบนี้ไม่ได้ ตนบอกว่ากฎหมาย ย้ำว่าตนก็ต้องระวังทุกคนต้องระวังอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ข่มขู่ใคร เพราะกฎหมายยังไม่กลัวกันเลย แต่ส่วนตัวกลัวกฎหมาย ก่อนที่จะปิดไมค์แล้วเดินออกจากห้องประชุม
ขณะที่นางอมรัตน์ โต้ว่า จะตีความว่าเป็นการข่มขู่ และขอให้นายกรัฐมนตรีระวังตัวไว้ด้วย
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พยายามรักษาบรรยากาศ โดยบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดกันไปใหญ่ แต่ต่างคนต่างบอก ให้แต่ละฝ่ายระวังก็จบกันไป
ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ขอให้ประธานควบคุม การพูดของนายกรัฐมนตรี ด้วยเช่นเดียวกับนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลที่ ประท้วงประธานการประชุม หลังปล่อยให้นายกรัฐมนตรี พูดโดยไม่ขออนุญาต .- สำนักข่าวไทย