โรงแรมเซ็นทราฯ แจ้งวัฒนะ 2 ก.ค.-ประธานกกต.เปิดอบรมพตส. รุ่น 11 ยัน เข้มมมาตรการป้องโควิด ด้าน “อนุทิน” ยกเป็นหลักสูตรสำคัญ เปลี่ยนศัตรูการเมืองเป็นเพื่อน แนะใช้คอนเนคชั่นในทางที่ถูกที่ควร ไม่ผิดกฎหมาย
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาอบรมและปฐมนิเทศหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 11 (พตส.11) พร้อมด้วยกกต. เลขาธิการ กกต. นักศึกษาพตส.และตัวแทน พตส.แต่ละรุ่นร่วมงาน โดยนายอิทธิพร กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาอบรมในครั้งนี้ ซึ่งมีความพิเศษกว่ารุ่นอื่น เพราะมีการรับนักศึกษาเพิ่มจากเดิม 100 คนเป็น 120 คน นอกจากนั้นยังแตกต่างรุ่นต่าง ๆ ที่ผ่านมา เพราะการอบรมระหว่างที่การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
“สำนักงานกกต.ตระหนักถึงการแพร่ระบาดดังกล่าว จึงกำหนดมาตรการป้องกันระหว่างศึกษาอบรม เช่น จัดฉากกั้นอะคริลิคแบบใสระหว่างที่นั่ง การจัดที่นั่งเว้นระยะ จัดให้ผู้ศึกษาอบรมสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทุกคนจะมีโอกาสได้ฝากมรดกเป็นผลงานทางวิชาการ คือการจัดทำเอกสารเชิงวิชาการกลุ่มตามกรอบหัวข้อที่หลักสูตรกำหนด และการจัดทำยุทธศาสตร์เชิงปฏิบัติการ โดยมีเป้าประสงค์ยกระดับพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันการเมือง” ประธานกกต. กล่าว
นายอิทธิพร กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ขอให้ทุกคนนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการอบรมร่วมกันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งในประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสมาคมแห่งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง กล่าวว่า ในฐานะที่ผ่านหลักสูตรนี้มาก่อน ขอให้คำยืนยันว่าหลักสูตรนี้มีความสำคัญ มีประโยชน์ และมีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะเป็นหลักสูตรที่ผู้ศึกษามาจากหลากหลายวงการ ทั้งวงการที่เกี่ยวข้องกับราชการและการเมือง นักธุรกิจเอกชนผู้ที่มีความสนใจต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้ ตนได้ใช้สายสัมพันธ์ ความใกล้ชิดหารือและแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินกับนักศึกษาพตส.หลายครั้ง
นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจว่าทุกคนที่มาร่วมอบรมต้องการทำความเข้าใจระบบบริหารราชการแผ่นดิน ระบบการเมืองให้ดีขึ้น เชื่อว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเอง แต่เข้ามาร่วมอบรมสร้างสายสัมพันธ์เพื่อหาทางออกให้ประเทศ ถ้าไม่มีหลักสูตรพตส.เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยจะขัดแย้ง ยุ่งเหยิงยิ่งกว่านี้ เพราะการอบรมดังกล่าวกลายเป็นการสร้างความเข้าใจทางการเมืองซึ่งกันและกัน ทั้งคนที่มาจากคนละฝักคนละฝ่าย สีเสื้อต่าง ๆ ตำแหน่งที่แตกต่างกัน คนที่เคยมีความขัดแย้งกัน เคยมีความไม่เข้าใจกัน กลายเป็นการสร้างความเข้าใจ สร้างความรักความผูกพันกัน
“ในรุ่นผม พตส.3 มีศัตรูทางการเมืองหมายเลข 1 ร่วมอบรมด้วย แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ารักกัน มีความเข้าใจและช่วยเหลือกันและกันในทางที่ถูกที่ควร คนที่เข้ามาอบรมมีศักยภาพ เราควรใช้ความสัมพันธ์ของเราในสิ่งที่ถูกที่ควร ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำให้ทุกคนเจริญก้าวหน้า แต่ต้องไม่ขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือสิ่งที่จะทำให้เพื่อนเกิดความลำบากใจ มั่นใจว่าเมื่อทุกท่านอยู่ด้วยกัน จะมีความสัมพันธ์ ความรักใคร่กันมากขึ้น” นายอนุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย