“อนุทิน” ตอบกระทู้ สว. ปมเขากระโดง

รัฐสภา 6 ม.ค. – “อนุทิน” ตอบกระทู้ สว. ปมเขากระโดง ย้ำกระทรวงมหาดไทย และกรมที่ดิน ดำเนินตามกฎหมายครบถ้วน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย การเพิกถอนสิทธิให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ต้องไม่ใช่เพราะการเมืองกดดัน “นันทนา” ข้องใจที่ดินเขากระโดง ทำไมตั้ง “นาย ส.” นายก อบต.กลุ่มเพื่อเนวิน เป็นกรรมการสอบ จนมีมติไม่เพิกถอน


ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมพิจารณากระทู้ถามเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดง ของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ถาม รมว.มหาดไทย ว่าปัญหาที่ดินนพื้นที่เขากระโดง เนื้อพื้นที่ 5,083 ไร่ กรมที่ดินไม่ได้เพิกถอนโฉนดที่ออกโดยมิชอบทั้งที่มีคำตัดสินของศาลฎีกา ซึ่งตัดสินสิ้นสุดว่าสิทธิในที่ดินดังกล่าวเป็นของการไฟฯ พร้อมสั่งให้ผู้ครอบครองที่ดินเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่

น.ส.นันทนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้กรมที่ดิน และการรถไฟฯ ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอนที่ดินที่ออกโดยมิชอบ และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 โดยมีกรรมการ 4 คน หนึ่งในคณะกรรมการนั้นคือ “นาย ส.” ซึ่งเป็นนายก อบต. ที่น่าสนใจคือตอนที่ “นาย ส.” ลงสมัครรับเลือกตั้งใช้ชื่อว่า “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ตนไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนจริงหรือไม่ อาจจะแอบอ้างก็ได้ แต่เป็นเรื่องบังเอิญที่มาเป็นกรรมการเรื่องนี้ ซึ่งผลคำวินิจฉัยออกมาเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ที่ช็อกคนทั้งประเทศเพราะมีมติยืนยันไม่สมควรที่จะเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินด้วยมติเอกฉันท์ จนกว่าจะได้มีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้


“หากคำพากษาของศาลปกครองต้องการเพียงให้คณะกรรมการมีมติดังกล่าว แล้วศาลจะให้รังวัดที่ดินทำไม นั่นคือเหตุผลที่ผู้ว่า รฟท. ทำหนังสือคัดค้านมติคณะกรรมการโดยอ้างอิงถึง 5 หน่วยงาน ที่ระบุชัดเจนว่านี่คือที่ดินของการรถไฟฯ จากข้อพิพาทดังกล่าว รมว.มหาดไทย ที่มีเสียงเล่าขานว่าเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านบริเวณเขากระโดงหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของอธิบดีกรมที่ดิน ดังนั้น ขอถามว่ากระทรวงมหาดไทย จะมีมาตรการอย่างไรต่อมติของคณะกรรมการ รวมถึงจะเร่งรัดกรมที่ดินให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ออกโดยมิชอบหรือไม่” น.ส.นันทนา กล่าว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า ที่ตนมาเพราะตนเป็น รมว.มหาดไทย และเห็นความสำคัญ ความมุ่งมั่นของวุฒิสภาที่มีความตั้งใจที่จะถาม เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับพี่น้องประชาชน ไม่ได้มาเพราะมีความใกล้ชิดกับใคร ซึ่งจะเห็นได้ว่าห้วงเวลาทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเป็น รมว.มหาดไทย ทั้งสิ้น ตนขอเริ่มต้นที่ข้อเท็จจริงที่การกล่าวอ้างว่าจำนวนที่ดิน 5,083 ไร่ ที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น มีคำพิพากษาจากศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ว่าเป็นของการรถไฟฯ แล้ว เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเป็นข้อมูลที่บิดเบือน ข้อเท็จจริงที่เป็นส่วนของศาลฎีกา คือมีคำพิพากษาที่มีคู่ความเป็นราษฎรฟ้องการรถไฟฯ ภาษาชาวบ้านคือราษฎรเขาอยู่มานานแล้วในบริเวณนั้น และไปขอกรมที่ดินออกโฉนด เมื่อเขาไปขอ การรถไฟฯ ก็คัดค้าน เมื่อมีความไม่ตรงกันก็จะไปสู่กระบวนการยุติธรรม ทางศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่าสิทธิในการออกโฉนดของชาวบ้านนั้นไม่มี ไม่ใช่บอกว่าให้ไปเพิกถอนโฉนดหรือรางวัด ซึ่งกรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฎีกาอย่างครบถ้วน คือไม่มีการออกโฉนดให้

“ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้กระทรวงมหาดไทยที่เป็นหน่วยงานของรัฐไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง จะไม่ปฏิบัติตามของคำพิพากษาของศาล อย่าว่าแต่ศาลฎีกา ศาลชั้นต้นพิพากษามา การอุทธรณ์ฎีกาก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ คำพิพากษาดังกล่าวผูกพันและบังคับได้เฉพาะคู่ความ คือราษฎรที่เป็นโจทก์ในคดีนั้นๆ ไม่อาจเป็นเหตุให้กรมที่ดินไปกระทำการใดๆ ต่อผู้ถือกรรมสิทธิที่ดินแปลงอื่นๆ ได้ และศาลไม่ได้วินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่ การอ้างว่าคำพิพากษานั้นเป็นการยืนยันกรรมสิทธิในที่ดินทั้งหมด ถือเป็นการขยายความเกินขอบเขตของคำพิพากษา” นายอนุทิน ชี้แจง


รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อว่า ส่วนของศาลปกครองกลาง ข้อเท็จจริงส่วนนี้คือศาลไม่ได้มีคำสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด แต่ศาลสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งคือการทำตามคำสั่งของศาลปกครอง ตามมาตรา 61 ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยชัดเจนว่าหากอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และพิจารณาข้อเท็จจริงได้ผลเป็นเช่นไร ย่อมเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่จะดำเนินการมีคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามมี่เห็นสมควร ศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ ดังนั้น ถ้าผู้ตั้งกระทู้จะกรุณาไปตรวจสอบว่าความในมาตรา 61 ในการตั้งคณะกรรมการมีกำหนดว่าจะต้องตั้งใคร เช่น เหตุเกิดที่เขากระโดงก็ต้องตั้งนายอำเภอ ที่เขากระโดงตั้งอยู่เป็นคณะกรรมการ จะไปเอาคนอื่นที่อยู่นอกพื้นที่เป็นกรรมการไม่ได้

“ส่วนที่ท่านระบุว่าเอา นาย ส. มาเป็นกรรมการนั้น ตไม่รู้จัก และที่ท่านกล่าวถึงตระกูลชิดชอบ จะรู้จักนายส. หรือไม่ ตนคิดว่าเขาอาจจะรู้จักกัน เพราะเขาทำการเมืองอยู่ตรงนั้น และคนที่มาเป็นนายก อบต. ซึ่งเป็นคนการเมือง มีเครือข่ายก็อาจจะรู้จักกัน แต่จะสนิทกันมากน้อยแค่ไหน ตนไม่ทราบ แต่สำหรับตน ตนไม่รู้จักเลย และไม่มีความผูกพัน เกี่ยวพันใดๆ“ นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ชี้แจงอีกว่า ตนยืนยันว่าตนไม่สามารถสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานในเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับหรือเป็นสิ่งผิดได้ และตนไม่เคยทำนับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ ตนกำชับอธิบดีกรมที่ดินทั้งวาจา ต่อหน้า และในที่ประชุมว่าให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามกฎหมาย ตามระเบียบและต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้ยืนยันว่าการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีความเป็นธรรม และเหตุที่ตนมาชี้แจงครั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีความเกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกับใคร และไม่รู้จักกับอธิบดีกรมที่ดิน ตนเคยถามอธิบดีกรมที่ดินว่าถามจริงๆ หากตนไม่ได้เป็น มท.1 คำตอบเป็นแบบนี้หรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินตอบว่าไม่ว่าใครเป็น มท.1 ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวน และอธิบดีกรมที่ดินสั่งยุติเรื่องเป็นแบบนี้ ไม่เป็นอย่างอื่นตามหลักฐานที่มีอยู่ ดังนั้น ขอให้มั่นใจในการทำงานของกระทรวงมหาดไทยและตนเคารพกติกาทุกอย่าง เมื่อมีมติคำสั่งกรรมาธิการ ตนพร้อมปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนบัตรประชาชนของตนที่มีที่อยู่ตำบลอีสาน อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น เป็นความจำเป็นทางการเมืองเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่มีการยกร่างรัฐธรรรมนูญ ชุดสมัยที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งในร่างนั้นกำหนดให้ผู้ที่จะสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ต้องมีพื้นเพอยู่ในท้องที่จังหวัดนั้นๆ และมีกำหนดว่าต้องมีพื้นเพอยู่ 5 ปี ตนจึงต้องรีบย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไปอยู่ฐานะผู้อาศัย แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายบวรศักดิ์ไม่บังคับใช้ และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ได้บังคับไว้ แต่หลังจากนั้นมีการทำการเมืองเพิ่มมากขึ้น ตนมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยตนจึงไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านกลับมา

“มีคนเตือนว่าถ้าไม่มีการบังคับใช้แล้วก็กลับมาอยู่พื้นเพของตัวเอง แต่เนื่องจากตนไปทำงานที่บุรีรัมย์เยอะ และรู้สึกเป็นคนบุรีรัมย์แล้วจึงไม่ได้ย้าย หากจะย้ายตอนนี้จะเป็นเรื่องอีก ดังนั้น ขอให้ สว.นันทนา ฐานะผู้ตั้งคำถามให้ทราบ ว่าตนมีเจตนาบริสุทธิ์ทั้งสิ้น” นายอนุทิน กล่าว.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

กต.โต้ท่าทีกัมพูชา ปมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – โฆษก กต. โต้ 4 ข้อ เกี่ยวกับท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ปมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตามที่มีการสอบถามเกี่ยวกับท่าทีของฝ่ายกัมพูชาที่ออกมาแถลงในประเด็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในช่วงที่ผ่านมานั้น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงเพิ่มเติม ดังนี้ 1. เป็นที่น่าเสียดายที่กัมพูชาไม่รับข้อเสนอของไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในการประชุม RBC ระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กับกองบัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.68) โดยฝ่ายกัมพูชาระบุว่าต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง ตลอดจนเสนอให้มีความร่วมมือเฉพาะในบริเวณที่มีการปักปันเขตแดนแล้วเสร็จก่อน 2. ท่าทีของกัมพูชาดังกล่าว เป็นท่าทีที่ย้อนแย้งกันอย่างชัดเจน โดยกัมพูชาอ้างว่าให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม แต่กลับสร้างเงื่อนไขและปล่อยให้อาวุธร้ายแรงเช่นนี้ยังคงอยู่และถูกนำไปใช้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของ GBC อย่างชัดเจน และไม่ให้ค่ากับชีวิตและความปลอดภัยของมนุษย์ที่เป็นพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะยังคงละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศต่อไป 3. นอกจากนี้ ตามการแถลงข่าวของโฆษก กห. กัมพูชา และกรณีนายเฮง รัตนา ผอ. CMAC เช้าวันนี้ ที่กล่าวอ้างว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ที่นำมาเสนอต่อคณะทูต องค์การระหว่างประเทศ […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

มทภ.2 ปฏิเสธรับตำแหน่งทางการเมืองหลังเกษียณ

กาฬสินธุ์ 17 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ร่วมพิธียกเสาเอกเจดีย์โนนสาวเอ้ “หลวงปู่ศิลา” พร้อมปฏิเสธรับตำแหน่งทางการเมืองหลังเกษียณอายุราชการ “บิ๊กกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 หลังมีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ พล.ท.บุญสิน รับตำแหน่งทางการเมือง หรือต่ออายุราชการ จากผลงานแม่ทัพภาคที่ 2 อันโดดเด่น ถูกใจประชาชน วันนี้ พล.ท.บุญสิน ในฐานะลูกศิษย์คนดังของหลวงปู่ศิลา เดินทางมาร่วมพิธีฉลองประกาศตั้งวัดสวนธรรมปีติ และยกเสาเอก เสาโท เจดีย์โนนสาวเอ้ ณ วัดสวนธรรมปีติ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ขณะทำพิธียกเสาเอก เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนนับหมื่นคนเข้าร่วมพิธี ขณะที่หลายคนมารอต้อนรับ พล.ท.บุญสิน เพื่อมอบกำลังใจและขอบคุณที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มความสามารถจำนวนมาก พล.ท.บุญสิน เปิดเผยถึงแผนในอนาคตหลังจากเกษียณอายุราชการว่า จะไปทำหน้าที่เป็นทหารกองหนุน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศไทย ส่วนตำแหน่งทางการเมืองไม่ขอรับ ขอทำหน้าที่ดูแลประเทศชาติในส่วนที่เราสามารถทำได้.-สำนักข่าวไทย

ร่วมส่งดวงวิญญาณ “พลทหารรัฐภูมิ” แน่นวัด

สุรินทร์ 17 ส.ค. – ประชาชนจำนวนมากร่วมพิธีฌาปนกิจร่าง “พลทหารรัฐภูมิ” แน่นวัดกลางบัวเชด จ.สุรินทร์ พ่อเผยโล่งใจมีคนเข้าใจลูกชายมากขึ้น วัดกลางบัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ สถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพของพลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ซึ่งก่อเหตุยิงวัยรุ่น 2 ราย ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกพบว่าเสียชีวิตบริเวณป่าริมคลองส่งน้ำบ้านเขื่อนแก้ว พื้นที่ อ.กาบเชิง โดยวันนี้มีพิธีฌาปนกิจศพพลทหารรัฐภูมิ ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติและเพื่อนร่วมงานที่มาร่วมพิธีเป็นอย่างมาก รวมถึงหน่วยงานต้นสังกัด ก่อนทำพิธีมีทหารกองเกียรติยศทำความเคารพศพ นายอำเภอบัวเชด เป็นประธานในพิธีขึ้นทอดผ้าบังสุกุล จากนั้นผู้ที่เข้าร่วมงานขึ้นวางดอกไม้จันทน์ โดยก่อนหน้าที่จะประกอบพิธี มีหลายหน่วยงาน องค์กรต่างๆ และประชาชน ร่วมกันมอบเงินจากกองทุนต่างๆ ให้กับครอบครัวของพลทหารรัฐภูมิ พ่อโล่งใจคนเข้าใจลูกชายมากขึ้นนายประยูร ผู้เป็นพ่อ เผยความรู้สึกว่าตอนนี้สบายใจขึ้นมากเกี่ยวกับข่าวของลูกชายที่ออกไปในครั้งแรกส่งผลกระทบต่อสภาจิตใจของคนในครอบครัว ก่อนมีการแก้ไขข่าวที่ถูกต้อง ตรงกับข้อเท็จจริง และมีคนมาให้กำลังใจจำนวนมาก บอกลูกชายครั้งสุดท้ายว่าลูกทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว พ่อภูมิใจในตัวลูกชายมาก พร้อมยอมรับว่ามีคนมาขอสำเนาเลขบัญชีไปเปิดรับเงินบริจาค แต่ไม่ได้เป็นคนเปิดเอง และจะปิดรับบริจาควันจันทร์นี้ (18 ส.ค.) จนถึงขณะนี้ไม่ทราบว่าได้เงินเท่าไร มีน้องชายมาบอกว่าเขาจะโอนมาให้ 50,000 […]