“อนุทิน” ตอบกระทู้ สว. ปมเขากระโดง

รัฐสภา 6 ม.ค. – “อนุทิน” ตอบกระทู้ สว. ปมเขากระโดง ย้ำกระทรวงมหาดไทย และกรมที่ดิน ดำเนินตามกฎหมายครบถ้วน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย การเพิกถอนสิทธิให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ต้องไม่ใช่เพราะการเมืองกดดัน “นันทนา” ข้องใจที่ดินเขากระโดง ทำไมตั้ง “นาย ส.” นายก อบต.กลุ่มเพื่อเนวิน เป็นกรรมการสอบ จนมีมติไม่เพิกถอน


ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมพิจารณากระทู้ถามเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดง ของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ถาม รมว.มหาดไทย ว่าปัญหาที่ดินนพื้นที่เขากระโดง เนื้อพื้นที่ 5,083 ไร่ กรมที่ดินไม่ได้เพิกถอนโฉนดที่ออกโดยมิชอบทั้งที่มีคำตัดสินของศาลฎีกา ซึ่งตัดสินสิ้นสุดว่าสิทธิในที่ดินดังกล่าวเป็นของการไฟฯ พร้อมสั่งให้ผู้ครอบครองที่ดินเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่

น.ส.นันทนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้กรมที่ดิน และการรถไฟฯ ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอนที่ดินที่ออกโดยมิชอบ และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 โดยมีกรรมการ 4 คน หนึ่งในคณะกรรมการนั้นคือ “นาย ส.” ซึ่งเป็นนายก อบต. ที่น่าสนใจคือตอนที่ “นาย ส.” ลงสมัครรับเลือกตั้งใช้ชื่อว่า “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ตนไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนจริงหรือไม่ อาจจะแอบอ้างก็ได้ แต่เป็นเรื่องบังเอิญที่มาเป็นกรรมการเรื่องนี้ ซึ่งผลคำวินิจฉัยออกมาเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ที่ช็อกคนทั้งประเทศเพราะมีมติยืนยันไม่สมควรที่จะเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินด้วยมติเอกฉันท์ จนกว่าจะได้มีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้


“หากคำพากษาของศาลปกครองต้องการเพียงให้คณะกรรมการมีมติดังกล่าว แล้วศาลจะให้รังวัดที่ดินทำไม นั่นคือเหตุผลที่ผู้ว่า รฟท. ทำหนังสือคัดค้านมติคณะกรรมการโดยอ้างอิงถึง 5 หน่วยงาน ที่ระบุชัดเจนว่านี่คือที่ดินของการรถไฟฯ จากข้อพิพาทดังกล่าว รมว.มหาดไทย ที่มีเสียงเล่าขานว่าเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านบริเวณเขากระโดงหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของอธิบดีกรมที่ดิน ดังนั้น ขอถามว่ากระทรวงมหาดไทย จะมีมาตรการอย่างไรต่อมติของคณะกรรมการ รวมถึงจะเร่งรัดกรมที่ดินให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ออกโดยมิชอบหรือไม่” น.ส.นันทนา กล่าว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า ที่ตนมาเพราะตนเป็น รมว.มหาดไทย และเห็นความสำคัญ ความมุ่งมั่นของวุฒิสภาที่มีความตั้งใจที่จะถาม เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับพี่น้องประชาชน ไม่ได้มาเพราะมีความใกล้ชิดกับใคร ซึ่งจะเห็นได้ว่าห้วงเวลาทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเป็น รมว.มหาดไทย ทั้งสิ้น ตนขอเริ่มต้นที่ข้อเท็จจริงที่การกล่าวอ้างว่าจำนวนที่ดิน 5,083 ไร่ ที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น มีคำพิพากษาจากศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ว่าเป็นของการรถไฟฯ แล้ว เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเป็นข้อมูลที่บิดเบือน ข้อเท็จจริงที่เป็นส่วนของศาลฎีกา คือมีคำพิพากษาที่มีคู่ความเป็นราษฎรฟ้องการรถไฟฯ ภาษาชาวบ้านคือราษฎรเขาอยู่มานานแล้วในบริเวณนั้น และไปขอกรมที่ดินออกโฉนด เมื่อเขาไปขอ การรถไฟฯ ก็คัดค้าน เมื่อมีความไม่ตรงกันก็จะไปสู่กระบวนการยุติธรรม ทางศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่าสิทธิในการออกโฉนดของชาวบ้านนั้นไม่มี ไม่ใช่บอกว่าให้ไปเพิกถอนโฉนดหรือรางวัด ซึ่งกรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฎีกาอย่างครบถ้วน คือไม่มีการออกโฉนดให้

“ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้กระทรวงมหาดไทยที่เป็นหน่วยงานของรัฐไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง จะไม่ปฏิบัติตามของคำพิพากษาของศาล อย่าว่าแต่ศาลฎีกา ศาลชั้นต้นพิพากษามา การอุทธรณ์ฎีกาก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ คำพิพากษาดังกล่าวผูกพันและบังคับได้เฉพาะคู่ความ คือราษฎรที่เป็นโจทก์ในคดีนั้นๆ ไม่อาจเป็นเหตุให้กรมที่ดินไปกระทำการใดๆ ต่อผู้ถือกรรมสิทธิที่ดินแปลงอื่นๆ ได้ และศาลไม่ได้วินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่ การอ้างว่าคำพิพากษานั้นเป็นการยืนยันกรรมสิทธิในที่ดินทั้งหมด ถือเป็นการขยายความเกินขอบเขตของคำพิพากษา” นายอนุทิน ชี้แจง


รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อว่า ส่วนของศาลปกครองกลาง ข้อเท็จจริงส่วนนี้คือศาลไม่ได้มีคำสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด แต่ศาลสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งคือการทำตามคำสั่งของศาลปกครอง ตามมาตรา 61 ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยชัดเจนว่าหากอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และพิจารณาข้อเท็จจริงได้ผลเป็นเช่นไร ย่อมเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่จะดำเนินการมีคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามมี่เห็นสมควร ศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ ดังนั้น ถ้าผู้ตั้งกระทู้จะกรุณาไปตรวจสอบว่าความในมาตรา 61 ในการตั้งคณะกรรมการมีกำหนดว่าจะต้องตั้งใคร เช่น เหตุเกิดที่เขากระโดงก็ต้องตั้งนายอำเภอ ที่เขากระโดงตั้งอยู่เป็นคณะกรรมการ จะไปเอาคนอื่นที่อยู่นอกพื้นที่เป็นกรรมการไม่ได้

“ส่วนที่ท่านระบุว่าเอา นาย ส. มาเป็นกรรมการนั้น ตไม่รู้จัก และที่ท่านกล่าวถึงตระกูลชิดชอบ จะรู้จักนายส. หรือไม่ ตนคิดว่าเขาอาจจะรู้จักกัน เพราะเขาทำการเมืองอยู่ตรงนั้น และคนที่มาเป็นนายก อบต. ซึ่งเป็นคนการเมือง มีเครือข่ายก็อาจจะรู้จักกัน แต่จะสนิทกันมากน้อยแค่ไหน ตนไม่ทราบ แต่สำหรับตน ตนไม่รู้จักเลย และไม่มีความผูกพัน เกี่ยวพันใดๆ“ นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ชี้แจงอีกว่า ตนยืนยันว่าตนไม่สามารถสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานในเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับหรือเป็นสิ่งผิดได้ และตนไม่เคยทำนับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ ตนกำชับอธิบดีกรมที่ดินทั้งวาจา ต่อหน้า และในที่ประชุมว่าให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามกฎหมาย ตามระเบียบและต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้ยืนยันว่าการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีความเป็นธรรม และเหตุที่ตนมาชี้แจงครั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีความเกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกับใคร และไม่รู้จักกับอธิบดีกรมที่ดิน ตนเคยถามอธิบดีกรมที่ดินว่าถามจริงๆ หากตนไม่ได้เป็น มท.1 คำตอบเป็นแบบนี้หรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินตอบว่าไม่ว่าใครเป็น มท.1 ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวน และอธิบดีกรมที่ดินสั่งยุติเรื่องเป็นแบบนี้ ไม่เป็นอย่างอื่นตามหลักฐานที่มีอยู่ ดังนั้น ขอให้มั่นใจในการทำงานของกระทรวงมหาดไทยและตนเคารพกติกาทุกอย่าง เมื่อมีมติคำสั่งกรรมาธิการ ตนพร้อมปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนบัตรประชาชนของตนที่มีที่อยู่ตำบลอีสาน อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น เป็นความจำเป็นทางการเมืองเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่มีการยกร่างรัฐธรรรมนูญ ชุดสมัยที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งในร่างนั้นกำหนดให้ผู้ที่จะสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ต้องมีพื้นเพอยู่ในท้องที่จังหวัดนั้นๆ และมีกำหนดว่าต้องมีพื้นเพอยู่ 5 ปี ตนจึงต้องรีบย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไปอยู่ฐานะผู้อาศัย แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายบวรศักดิ์ไม่บังคับใช้ และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ได้บังคับไว้ แต่หลังจากนั้นมีการทำการเมืองเพิ่มมากขึ้น ตนมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยตนจึงไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านกลับมา

“มีคนเตือนว่าถ้าไม่มีการบังคับใช้แล้วก็กลับมาอยู่พื้นเพของตัวเอง แต่เนื่องจากตนไปทำงานที่บุรีรัมย์เยอะ และรู้สึกเป็นคนบุรีรัมย์แล้วจึงไม่ได้ย้าย หากจะย้ายตอนนี้จะเป็นเรื่องอีก ดังนั้น ขอให้ สว.นันทนา ฐานะผู้ตั้งคำถามให้ทราบ ว่าตนมีเจตนาบริสุทธิ์ทั้งสิ้น” นายอนุทิน กล่าว.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทักษิณเหยียดผิว

“อังคณา” จี้ “ทักษิณ” ขอโทษ หลังปราศรัยเหยียดสีผิว-เชื้อชาติชาวแอฟริกัน

“อังคณา” จี้ “ทักษิณ” ขอโทษ หลังปราศรัยเหยียดสีผิว-เชื้อชาติชาวแอฟริกัน ชี้เสี่ยงทำประเทศไทยถูกนานาชาติตั้งคำถาม ขัดหลักการสิทธิมนุษยชน

ข่าวแนะนำ

จนท.นำตัว “ซิงซิง” ถึง กทม.แล้ว ขอบคุณรัฐบาลไทยช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่นำตัว “ซิงซิง” ดาราหนุ่มจีน วัย 32 ปี เดินทางถึงกองบินตำรวจ 3 ย่านดอนเมือง หลังพบตัวที่ฝั่งเมียนมา เจ้าตัวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่าปลอดภัยดี เผยรอยที่ขาคือปาน ไม่ใช่แผลจากการถูกทำร้าย

ยิงกระสุนยางสยบชายคลั่งทำร้ายภรรยา-จับลูก 5 ขวบ ขังในบ้าน

ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง สยบชายคลั่งซ้อมภรรยา และจับลูกวัย 5 ขวบ เป็นตัวประกันขังไว้ในบ้าน ขู่ตัดสายแก๊สฆ่ายกครัว

รับตัว “ซิงซิง” จากเมียนมากลับฝั่งไทยแล้ว

เจ้าหน้าที่รับตัว “ซิงซิง” นักแสดงจีน จากเมียนมาข้ามมาฝั่งไทยแล้ว หลังหายตัวลึกลับจนญาติแจ้งความที่จีน พบโผล่ที่ไทยและข้ามแดนไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษในเมียนมา ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำจุดประสงค์การข้ามแดน หลังไม่พบข้อบ่งชี้ถูกบังคับ โดยเจ้าตัวจ้างแท็กซี่จากสนามบินไปชายแดน อ.แม่สอด ด้วยตนเอง

พระราชพิธีสมมงคล

นายกฯ เชิญชวนประชาชนร่วมงาน “พระราชพิธีสมมงคล” 14 ม.ค.นี้

นายกฯ เชิญชวนประชาชนร่วมงาน “พระราชพิธีสมมงคล” 14 ม.ค.นี้ ทั่วประเทศ พร้อมเลื่อนประชุม ครม. สัปดาห์หน้า เป็นวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. แทน