แพร่ 1 ก.ค.-สาวที่ถูก กยศ. ยึดบ้านทรงไทยของพ่อไปขายทอดตลาด ยันบ้านแม่ไม่ติดจำนอง เตรียมแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ กยศ. ที่ให้สัมภาษณ์ว่ายึดบ้านแม่ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันไม่ได้ เพราะติดจำนอง จึงต้องไปยึดบ้านพ่อ ซึ่งไม่เคยเซ็นค้ำประกัน
กรณีนางสาวกรทิพ วงศ์ตะวัน นางสาวสมหมาย วงศ์ตะวัน และนายสมพร วงศ์ตะวัน 3 พ่อลูก ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลสบสาย อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ร้องเรียนผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ ว่าบ้านของผู้เป็นพ่อราคากว่า 2 ล้านบาท ถูกกรมบังคับคดียึดไปขายทอดตลาดกว่า 30,000 บาท เพราะนางสาวสมหมาย ค้างเงินกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) อยู่ 17,000 บาท ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรมนั้น
วันนี้ นางสาวสมหมาย พร้อมผู้เป็นแม่ คือ นางพริ้ง วงศ์ตะวัน ได้นำโฉนดบ้านอีกหลัง ซึ่งเป็นของแม่ มาให้ผู้สื่อข่าวดู สาเหตุที่นำโฉนดดังกล่าวมาเปิดเผย เพราะหลังจากร้องเรียนจนเป็นข่าว เจ้าหน้าที่ กยศ. ให้ข่าวสื่อมวลชนทำนองว่าตอนสืบทรัพย์เพื่อยึดทรัพย์นั้น พบว่าบ้านของเธอ ซึ่งเป็นผู้กู้ และบ้านของแม่ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ติดจำนอง ไม่สามารถยึดทรัพย์ได้ จึงไปยึดทรัพย์บ้านของพ่อ จำเลยที่ 3 ทั้งที่ในความเป็นจริง ผู้เป็นพ่อไม่เคยเซ็นเอกสารค้ำประกันให้เธอเลย มีเพียงแม่ที่เซ็นค้ำประกันให้ แต่ กยศ. กลับฟ้องพ่อเป็นจำเลยที่ 3 และยึดบ้านของพ่อ ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยหลังใหญ่ที่สุด มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
นางสาวสมหมาย บอกด้วยว่าได้ปรึกษาผู้ใหญ่หลายคน ให้คำแนะนำรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งเอกสาร และคลิปวิดีโอที่เจ้าหน้าที่ กยศ. ให้สัมภาษณ์ เพื่อให้ทนายความนำไปแจ้งความกลับ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ กยศ. ให้สัมภาษณ์ว่าประสานงานผู้ซื้อบ้าน เพื่อให้ขายคืนในราคาซื้อไปนั้น ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ แต่ทราบจากการตรวจสอบเอกสารขายทอดตลาดเพียงว่า มีผู้ซื้อในราคา 30,000 บาท วางเงินมัดจำ 5,000 บาท แล้วนำบ้านไปเร่ขาย 2.4 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย