ฝ่ายหญิงปิดประตูหัวใจ! เจ้าบ่าวหนีงานแต่งยอมรับผิด ยันยังรักเหมือนเดิม

นครราชสีมา 29 มิ.ย. – เจ้าบ่าวยอมรับผิด อ้างเงินสอดไม่พอ ยังรักเหมือนเดิม เตรียมเข้าขอขมาครอบครัว เจ้าสาวยันปิดประตูหัวใจ ทั้งเจ็บทั้งอาย 


เรื่องราวดราม่า เจ้าบ่าวสุดแสบ เผ่นหลบหนีงานแต่งงานในนาทีสุดท้ายก่อนเริ่มพิธี ทำเจ้าสาววัย 26 ปี สุดช้ำและเจ็บใจ ทั้งอับอายขายหน้า แถมยังต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายจัดงานแต่งกว่า 70,000 บาท


ล่าสุด น้องอ้อม เจ้าสาว วัย 26 ปี ยังอยู่ในอาการเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ถูกทิ้งนาทีสุดท้ายในวันวิวาห์ พร้อมเล่าทั้งน้ำตาว่า เดิมทีฝ่ายชายเคยมีครอบครัวแล้ว และมีลูกสาวอายุ 10 ขวบ 1 คน แล้วเลิกรากันไปนานแล้ว ครอบครัวเขาอยู่ จ.กาญจนบุรี และไม่มีการติดต่อกับครอบครัวเก่า กระทั่งมาทำงานที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และคบหากับตน 4 เดือน กระทั่งตกลงปลงใจขอแต่งงาน


ส่วนค่าสินสอด ผู้ชายเสนอให้เงินจำนวน 100,000 บาท ทอง 10 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดงานและโต๊ะจีนนั้นเกือบ 100,000 บาท เจ้าสาวเป็นฝ่ายดูแล และเจ้าบ่าวจะช่วยอีกครึ่งหนึ่งในภายหลัง พอถึงวันจัดงาน เจ้าบ่าวพาไปแต่งหน้าสวมชุดกันเรียบร้อย เจ้าบ่าวอ้างว่าญาติพี่น้องไม่สามารถจะมาร่วมงานแต่งได้ ตนจึงเสนอให้เจ้าบ่าวโอนค่าสินสอดมาให้เพื่อแสดงความมั่นใจ เจ้าบ่าวก็บอกให้รอ กระทั่งไปรออยู่บ้านที่จัดเตรียมงานแต่ง พร้อมโทรติดต่อเจ้าบ่าว อ้างว่าสินสอดไม่พอ รอเงินโอนค่าสินสอด ตนก็พยายามให้มาพบผู้ใหญ่เพื่อหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เจ้าบ่าวก็นิ่งเฉย จนถึงเวลาเริ่มพิธี เจ้าบ่าวก็เงียบหายไป หลังจากนั้นผู้ใหญ่ในบ้านก็แจ้งกับแขกที่มางานว่า เปลี่ยนจากงานแต่งงานเป็นงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่บ้าน 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดและอับอายที่สุด หากเจ้าบ่าวชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ก็พร้อมที่จะให้อภัย ในช่วงที่คบหาดูใจกัน 3-4 เดือนที่ผ่านมา นิสัยใจคอก็เป็นคนร่าเริง ช่วยงานบ้าน เข้ากับคนในครอบครัวได้ดี จนเกิดเหตุการณ์หักมุมแบบนี้ รู้สึกหมดรัก และคงไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ส่วนการแจ้งความกับตำรวจก็เพื่อความปลอดภัย เพราะเกรงว่าฝ่ายเจ้าบ่าวจะเข้ามาข่มขู่หรือทำร้ายตนและครอบครัว

ด้านนายเอ็ม เจ้าบ่าววัย 32 ปี กำลังเดินทางกลับบ้านที่ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า สาเหตุที่หนีงานแต่งเพราะมีเงินสดอยู่เพียง 20,000 บาท ไม่เพียงพอค่าสินสอด อีกทั้งครอบครัวก็ยังไม่พร้อม แต่ตนอยากให้เลื่อนจัดงานไปก่อน ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม หลังจากเกิดเหตุการณ์ตนยอมรับความผิดทุกอย่าง ยังรักเหมือนเดิม และอยากขอโอกาสฝ่ายหญิงอีกสักครั้ง

ขณะนี้กำลังพูดคุยกับครอบครัวว่าจะเข้าไปขอขมาในเร็ววันนี้ ยืนยันไม่คิดจะหนี และฝากขอโทษทางครอบครัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

สำหรับประวัติของเจ้าบ่าวเคยทำงานเป็นเชฟอยู่โรงแรมในตัวเมืองโคราชนาน 4 ปี หลังจากเจอพิษโควิด-19 จึงมาทำงานอยู่ที่โรงงานชัยภูมิพืชผล อ.สีคิ้ว ได้เพียง 2 เดือน ก่อนมาขอฝ่ายหญิงแต่งงานและหนีหายไปในที่สุด. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง