ตรวจสอบโรงเรียนให้เด็กกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป-ขายนมโรงเรียน

กทม.25 มิ.ย. – เพจเฟซบุ๊กชมรม strong ต้านทุจริตประเทศไทย ฝากหน่วยงานที่มีอำนาจรับผิดชอบตรวจสอบโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านยานนาวา กทม. ให้เด็กกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วนำทั้งนมและอาหารในโครงการอาหารเช้าและอาหารกลางวัน มาขายต่อให้นักเรียน

เพจเฟซบุ๊กชมรม strong ต้านทุจริตประเทศไทย เผยแพร่ภาพพร้อมคำบรรยายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นภาพเด็กนักเรียนกำลังนั่งเรียงกันกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บ้างก็กำลังฉีกซองเครื่องปรุงใส่ชามบะหมี่ ระบุเป็นโรงเรียนดังแห่งหนึ่งย่านยานนาวา เขตสาทร ย่านธุรกิจกลางใจเมือง เหตุเกิดเมื่อภาคการศึกษาที่ผ่านมา บรรยายภาพว่านี่เป็นอาหารเช้าของนักเรียนโรงเรียนดังกล่าว เป็นเกือบทุกเช้า นอกจากนี้มีคำสั่งด้วยวาจาจากผู้บริหารโรงเรียน ให้นำวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารของโครงการอาหารเช้า อาหารกลางวัน มาจัดจำหน่ายให้กับนักเรียน โดยมีเมนูเป็น 1.ข้าวไข่ดาวและข้าวไข่เจียว ราคา 15 บาท (ข้าว ไข่ น้ำมันพืชของโครงการ อาหารเช้า/อาหารกลางวัน) 2.มาม่าใส่ไข่ มีเนื้อไก่ ไก่สับ (เล็กน้อย) ราคา 15 บาท (ไข่ เนื้อไก่ ของโครงการอาหารเช้า/อาหารกลางวัน โดยเนื้อไก่อาจมีซื้อเพิ่มบ้างบางวัน )

รวมทั้งออกคำสั่งทางวาจาให้ครูและบุคลากร พี่เลี้ยงเด็ก นักศึกษาฝึกสอน เข้าเวรเวียนกันขายขนมขบเคี้ยว น้ำหวาน และติดตั้งกล้องวงจรปิด หากยังไม่มาขายก็ส่งภาพไปในไลน์กลุ่มโรงเรียนให้เกิดความหวาดกลัว อีกทั้งสั่งเด็ดขาดห้ามผู้ปกครองเข้าเขตโรงอาหาร

ทางชมรมฯ เจาะข้อมูลลึกลงพบว่าในปีการศึกษา 2563 กทม. จัดสรรงบประมาณเป็นโครงการอาหารเช้า/กลางวัน ที่เบิกจ่ายในระบบแล้ว รวมกว่า 350 ล้านบาท รวม 2,030 โครงการ ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ในส่วนของโรงเรียนดังกล่าวเป็นโครงการจ้างเหมาประกอบอาหาร (ปรุงสำเร็จ) เดือนธันวาคม 2562 จำนวน 210,420 บาท, เดือนมกราคม 2563 จำนวน 245,490 บาท, เดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 222,110 บาท และตั้งแต่วันที่ 2-6 มีนาคม 2563 จำนวน 58,450 บาท มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้รับจ้างดำเนินการ เฉลี่ยหัวละประมาณ 40บาท

เพจของทางชมรมตั้งคำถามว่า นอกจากไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ที่สำคัญงบประมาณอาหารเช้าเด็กหายไปไหน นอกจากนี้ยังอ้างว่าโรงเรียนเดียวกันนี้ยังนำนมโรงเรียน ซึ่งเป็นโครงการอาหารเสริมของรัฐบาล นำมาผลิตนมเย็นและโอวัลตินเย็น ขายให้เด็กต่อในราคาแก้วละ 5 บาท

ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา มีประเด็นทุจริตโครงการอาหารกลางวันเด็กเป็นข่าวโด่งดังอยู่บ่อยครั้งตามหน้าสื่อต่างๆ ทั่วประเทศ จนรัฐบาล กระทรวง หน่วยงานตรวจสอบมีนโยบายที่เข้มข้นเอาจริงเอาจังในการดำเนินการตรวจสอบเอาผิด แต่ในใจกลางเมืองหลวงเองกลับเล็ดลอดสายตามาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ต้องฝากไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ยิ่งใกล้เปิดเทอมแล้วหวังว่าอาหารเช้า/กลางวันของนักเรียนไทยคงจะดีขึ้นกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง