กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.- รองโฆษก ตร. ยืนยันตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อนจับกุมเจ้าของปั๊มน้ำมันใน อ.ไชโย จ.อ่างทอง เป็นตำรวจริง จับเพราะใบอนุญาตประกอบกิจการหมดอายุ โดยผู้เสียหายมาพบตำรวจ สภ.เกษไชโย และต่อใบอนุญาตแล้ว โดยไม่ติดใจการทำงานของตำรวจชุดดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิดกัน
กรณีมีภาพจากกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมันขนาดเล็กแห่งหนึ่งริมถนนสายอ่างทอง-สิงห์บุรี ใน ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง กลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายตำรวจขับรถเก๋งสีบรอนซ์และรถปิกอัพ 4 ประตู เข้าไปภายในปั๊ม และบอกว่าเป็นตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน ขอตรวจสอบเอกสารและพานางพรทิพย์ และนายสมนึก เฉลยอาสน์ ไปที่สถานีตำรวจเกษไชโย โดย 2 สามีภรรยาอ้างมีการพูดจาหว่านล้อมให้นำเงินมาให้เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี ติดใจว่าหากเป็นตำรวจจริง ทำไมไม่แสดงตัวและให้ถ่ายบัตรประจำตัว พฤติกรรมคุกคามจนหวาดกลัว ก่อนเข้าแจ้งความ สภ.เกษไชโย ดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดในข้อหากรรโชกทรัพย์
ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่สื่อนำเสนอข่าว เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. เวลา 21.30 น. ผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เกษไชโย พร้อมแจ้งว่า กลุ่มชายดังกล่าวเป็นตำรวจจริง โดยตำรวจชุดดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหายไปดำเนินการต่อใบอนุญาตให้เรียบร้อย เพราะหากไม่ดำเนินการจะทำให้มีความผิดและเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นการข่มขู่เรียกร้องเอาเงิน จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งภายหลัง ผู้เสียหายต่อใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับไม่ติดใจการทำงานของตำรวจชุดดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิดและผู้เสียหายไม่ได้มีการจ่ายเงินให้กับตำรวจชุดดังกล่าวแต่อย่างใด
ในเบื้องต้น ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) มีคำสั่งให้รายงานข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรม ตลอดจนคลี่คลายข้อสงสัยและให้ความกระจ่างแก่สังคม
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เน้นย้ำและกำชับหน่วยปฏิบัติทุกภาคส่วนมาโดยตลอดในการประพฤติปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับตามกฎหมาย โดยห้ามตำรวจใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกรับผลประโยชน์ ขูดรีดประชาชน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีเป็นอันขาด ซึ่งหากพบกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ประกอบกับให้พิจารณาโทษทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นฐานปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลความประพฤติ วินัย ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อป้องปรามไม่ให้ตำรวจกระทำความผิดเสียเองและเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ในการทำงานของตำรวจให้ประชาชน.-สำนักข่าวไทย