เร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง หาข้อสรุป ตร.รีดไถแม่ค้าอาหารทะเล

พัทลุง 7 มิ.ย.- กรณีแม่ค้าขายอาหารทะเลอ้างว่า ถูกตำรวจใน จ.พัทลุง รีดไถเงินแลกกับการปล่อยตัวฐานฝ่าฝืนเคอร์ฟิว แถมต้องนั่งแกะหอยนางรมให้กินแกล้มสุรา ล่าสุด ตำรวจยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำดาบตำรวจ 3 นาย ปมรีดเงิน รวมถึงแม่ค้าอาหารทะเล โดยยังไม่มีคำสั่งย้ายสารวัตรหัวหน้าชุด ขณะที่ล่าสุดผู้เสียหายกลับคำให้การเข้าข้างเจ้าหน้าที่ตำรวจ


ความคืบหน้ากรณีแม่ค้าขายอาหารทะเล อ้างว่าถูกตำรวจชุดของ “สารวัตรนายหนึ่ง” จับกุมฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงประกาศเคอร์ฟิว เรียกเงินครั้งแรก 80,000 บาท เพื่อไม่ให้ดำเนินคดี ก่อนต่อรองเหลือ 10,000 บาท แต่แม่ค้ามีเงินโอนให้เพียง 5,700 บาท ทำให้ถูกยึดอาหารทะเลสดของแม่ค้าไปกินแกล้มสุราภายใน สภ.เมืองพัทลุง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมย้ายดาบตำรวจ 3 นาย ซึ่งเป็นตำรวจชุดของ “สารวัตร” คนดังกล่าวออกจากพื้นที่ แต่ “สารวัตร” หัวหน้าชุดยังไม่มีการลงโทษหรือสั่งย้าย


พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า หลังมีคำสั่งให้ 3 ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาว เข้ามาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อมเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยและอาญา หากพบว่ากระทำผิดจริง ทั้งกรณีเรียกรับเงินและดื่มสุราในสถานที่ราชการ โดยให้ขาดจากหน้าที่และตำแหน่งเดิม ซึ่งตำรวจชั้นประทวนทั้ง 3 นาย คือ ด.ต.ไชยา ชูศรีเพชร ผบ.หมู่ (สืบสวน) สภ.เมืองพัทลุง, ด.ต.อนันต์ บัวยก ผบ.หมู่ (สืบสวน) และ ด.ต.สายัณห์ อินทร์แก้ว ผบ.หมู่ (สืบสวน) ส่วนการสอบสวนตำรวจทั้ง 3 นาย ไปสู่นายตำรวจระดับสารวัตรหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการสอบปากตำรวจทั้ง 3 นาย และแม่ค้าอาหารทะเลผู้เสียหาย


เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการย้ายนายตำรวจรายนี้ และตำรวจทั้ง 3 นายไปประจำที่ตำรวจภาค 9 หรือไม่นั้น ด้านผู้การฯ พัทลุงบอกว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจภูธร 9 ที่จะเป็นผู้สั่งการตามขั้นตอนต่อไป พร้อมย้ำให้ทุกฝ่ายได้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ว่าจะต้องดำเนินการไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม ผู้กระทำความผิดก็จะต้องถูกลงโทษอย่างเฉียบขาด ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ล่าสุด ตำรวจชุดจับกุมแม่ค้าหอยโทรเจรจา ตกลงกลับคำให้การเข้าข้างตำรวจ และสอดคล้องกับความเป็นจริง เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปที่บ้านหลายครั้ง พบว่าบ้านรถยนต์ของครอบครัวไม่ได้จอดอยู่ที่บ้านพัก และไม่สามารถติดต่อได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง