ป.ป.ช. 2 มิ.ย.-องค์กรด้านเด็กและสตรี ร้อง ป.ป.ช.สอบ ผอ.โรงเรียนใน จ.มุกดาหาร ฐานปล่อยครู 5 คน ก่อเหตุละเมิดทางเพศนักเรียนหญิง 2 คนนานนับปี เข้าข่ายละเว้นตามมาตรา 157 หรือไม่ หวังสร้างบรรทัดฐานผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศ ใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ลอยตัวเหนือปัญหา
วันนี้ (2มิ.ย.)ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว พร้อมด้วย น.ส.อังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และตัวแทนเครือข่ายยุติความรุนแรงทางเพศในโรงเรียน จำนวน 10 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรียกร้องให้ตรวจสอบนายราชัน อาจวิชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดงมอนวิทยาคม ฐานปล่อยปละละเลย เพิกเฉยจนเกิดเหตุการณ์ ครู 5 คนและศิษย์เก่า 2 คน ละเมิดทางเพศนักเรียนอายุ 14 ปีและ 16 ปี มาต่อเนื่องยาวนานนับปี ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
นายชูวิทย์ กล่าวว่า กรณีนี้เหตุเกิดทั้งในสถานที่ราชการและสถานที่เอกชน ต่อเนื่องกันตั้งแต่เดือนมี.ค.62 ถึงเดือน มี.ค.63เป็นเวลานานร่วมปี เป็นเหตุให้ประชาชนวิพากษ์ วิจารณ์อย่างกว้างขว้าง เพราะมีข้าราชการครูถึง 5 คนตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากนั้นยังพบว่าคนกลุ่มนี้มีพฤติการณ์ตั้งวงมั่วสุมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านพักครูเป็นประจำจนนำไปสู่การชักชวนบุคลภายนอกมากระทำความผิดทางอาญาเป็นลักษณะโทรมหญิงตามที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งในเรื่องนี้หากผู้อำนวยการโรงเรียนมีการใส่ใจดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด คงต้องเห็นปัญหาและมีการตักเตือนกันตั้งแต่ปัญหาการตั้งวงดื่ม มั่วสุมกันแล้ว ไม่ควรปล่อยให้เลยเถิดย่ามใจจนถึงขั้นก่อเหตุร้ายกับเด็กนักเรียนยาวนานขนาดนี้
“ป.ป.ช. ต้องสืบหาข้อเท็จ ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดมีหน้าที่ที่จะควบคุมดูแล ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบวินัยของทางราชการ การปล่อยปละละเลยไม่ควบคุม ตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด จนเป็นเหตุให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในการปกครองของตน ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กนักเรียนหญิง โดยไม่ยึดถือ กฎหมาย ระเบียบ ค่ำสั่งของทางราชการ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเป็นการป้องปรามผู้บริหารโรงเรียน สถานศึกษาต่างๆไม่ให้ลอยตัวเหนือปัญหาอย่างนี้” นายชูวิทย์ กล่าว
น.ส.อังคณา กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นถูกวิจารณ์ไปถึงต่างประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของวงข้าราชการครู บุคคลกรการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ลดทอนความเชื่อมั่น ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการของรัฐบาลและของชาติ ทางเครือข่ายฯ จึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเรียกร้อง ต่อ ป.ป.ช. เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้
1.ขอให้ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น ว่า ผอ.ท่านนี้ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 หรือไม่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ นำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายและยังเป็นการป้องปรามผู้บริหารสถานศึกษาทุกระดับ ให้ใส่ใจดูแลสถานศึกษา ครู นักเรียนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ไม่ลอยตัวเหนือปัญหา
2.ขอให้มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการไปถึงผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่ง ให้กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติของข้าราชการครูให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบวินัย ข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการ
และ 3.เครือข่ายเชื่อมั่นว่าการดำเนินการในครั้งนี้ของ ป.ป.ช. จะช่วยสร้างขวัญ กำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการให้ดีขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน ตลอดจนสร้างการยอมรับจากต่างประเทศ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยได้ลงนามในฐานะรัฐภาคี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2535 เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง
เครือข่ายอยากวิงวอนให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือคนใกล้ชิด หรือแม้กระทั่งตัวเด็กนักเรียนนักศึกษาเอง ที่พบเห็นการกระทำของครูหรือบุคลากรทางการศึกษา ที่เข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศ หรือเป็นผู้ถูกกระทำ ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม นำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย หรือจะประสานงานขอคำปรึกษากับทางมูลนิได้ ที่พร้อมให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ
ขณะที่นายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. ซึ่งเข้ารับจดหมายแทน กล่าวว่า จะนำเรื่องเข้าหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายต่อไป .-สำนักข่าวไทย