วอชิงตัน 30 พ.ค.- แหล่งข่าวเผยว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกคำสั่งปากเปล่าให้กองทัพพร้อมส่งสารวัตรทหารในหลายรัฐไปรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองมินนีแอโปลิส เมืองใหญ่ที่สุดในรัฐมินนิโซตา ที่เกิดการประท้วงหนักจากเหตุตำรวจผิวขาวฆ่าชายผิวดำเสียชีวิตขณะควบคุมตัว และบานปลายการเป็นการประท้วงทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้
แหล่งข่าวเผยว่า กระทรวงกลาโหมใช้มาตรการที่แทบไม่เคยใช้มาก่อนด้วยการออกคำสั่งปากเปล่าให้สารวัตรทหารค่ายฟอร์ตแบรก์ รัฐนอร์ทแคโรไลนาและค่ายฟอร์ตดรัม รัฐนิวยอร์กเตรียมพร้อมประจำการภายใน 4 ชั่วโมงที่ได้รับคำสั่ง และให้สารวัตรทหารค่ายฟอร์ตคาร์สัน รัฐโคโลราโดและค่ายฟอร์ตไรลีย์ รัฐแคนซัสพร้อมประจำการภายใน 24 ชั่วโมง รวมแล้วจะมีกำลังพลพร้อมประจำการ 800 นาย
คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โทรศัพท์ถึงนายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ ให้เสนอทางเลือกทางทหารเพื่อช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองมินนีแอโปลิสที่การประท้วงกลายเป็นการปล้นร้านค้าและวางเพลิงในหลายจุด มีผู้เสนอว่า กองทัพสามารถส่งทหารไปประจำการภายใต้กฎหมายจลาจลปี พ.ศ.2350 ที่นำมาใช้ครั้งหลังสุดช่วงเกิดการจลาจลในนครลอสแอนเจลิสปี 2535 หลังการพิจารณาคดีรอดนีย์ คิง คนงานก่อสร้างที่กลายเป็นนักเคลื่อนไหวและนักเขียนจากเหตุถูกตำรวจรุมทำร้ายสาหัสในปีก่อนหน้านั้นเพราะหลบหนีและขัดขืนการจับกุม
นายทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาสั่งให้ทหารกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติประจำรัฐ 500 นายเข้าประจำการในเมืองมินนีแอโปลิส เมืองเซนต์ปอลที่เป็นเมืองเอกของรัฐ และชุมชนใกล้เคียง โฆษกกระทรวงกลาโหมเผยว่า กระทรวงได้ประสานงานกับนายวอลซ์โดยตลอด แต่ไม่ได้รับคำขอให้ส่งกำลังไปสนับสนุนกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติหรือเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายประจำรัฐ ด้านผู้ว่าการรัฐจอร์เจียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อเปิดทางให้กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติประจำรัฐปฏิบัติหน้าที่ หลังเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในเมืองแอตแลนตา ผู้ประท้วงบางส่วนทุบทำลายรถตำรวจและพ่นสีใส่ป้ายสัญลักษณ์สำนักงานใหญ่สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) เช่นเดียวกันที่ดิสทริกออฟโคลัมเบียซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงวอชิงตัน กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติเตรียมพร้อมขณะที่มีคนชุมนุมหน้าทำเนียบขาวและตะโกนสาบแช่งประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนที่เมืองดีทรอยต์มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนเมื่อมีผู้สาดกระสุนจากรถอเนกประสงค์ใส่กลุ่มผู้ประท้วง และมีการประท้วงรุนแรงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย