กรุงเทพฯ 28 พ.ค.- ผู้ประกอบการรถยนต์มือสอง หวั่นหากมีการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 50% จะกระทบธุรกิจรถใช้แล้วทั้งระบบ โดยเฉพาะประชาชนผู้บริโภคที่มีรถอยู่แล้ว จะกลายเป็นทรัพย์สินด้อยค่าทันที และยังซ้ำเติมธุรกิจรถมือสองที่กำลังวิกฤติในขณะนี้
รถนับร้อยคันจอดเรียงรายอยู่ในเต็นท์รถมือสองย่านประเวศ ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ยอดขายตกฮวบ บางเต็นท์ไม่เหลือพื้นที่ว่าง จนรถล้น ต้องออกมาจอดนอกหลังคาเต็นท์
เจ้าของเต็นท์รถมือสองบอกว่า หยุดรับซื้อรถมาเกือบ 2 เดือนแล้ว เพื่อระบายรถที่มีอยู่ แม้จะลดราคา ยอดขายก็ยังไม่ดีขึ้น จากที่ปกติเคยขายเฉลี่ยเดือนละ 25 คัน แต่เดือนนี้ขายได้ 13 คัน หายไปกว่าครึ่ง ยอดต่ำสุดตั้งแต่เปิดเต็นท์รถมา นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังปล่อยสินเชื่อยากขึ้น ทำให้ขายได้ยากขึ้นไปอีก
ปัญหานี้เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการรถใช้แล้วทั่วประเทศ และยังมีประเด็นที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประทศไทย เรียกร้องให้ลดภาษีรถยนต์ใหม่ 50% ส่งผลให้สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เรียกประชุมด่วนสมาชิก เพราะเห็นว่าหากมีการลดภาษีสรรพสามิต 50% จะกระทบธุรกิจรถใช้แล้วทั้งระบบ และซ้ำเติมธุรกิจรถมือสองที่วิกฤติในขณะนี้
กรรมการบริหารสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วให้ข้อมูลว่า ผลกระทบทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ จะกระทบสตอกรถมือสองที่มีอยู่ของผู้ประกอบการ กลางน้ำคือ สถาบันการเงิน ที่มีทะเบียนรถเช่าซื้ออยู่ในมือ และปลายน้ำคือ ผู้บริโภค รถที่มีอยู่จะกลายเป็นสินทรัพย์ด้อยค่าในทันที
ผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบหนักสุด ยกตัวอย่างง่ายๆ ขณะนี้ประเทศไทยมีรถยนต์ในระบบ 17 ล้านคัน หากมีการลดภาษีสรรพสามิต 50% แล้วขายรถใหม่ได้ 1 ล้านคัน เท่ากับจะมีรถใหม่ 1 ล้านคัน ได้ประโยชน์ แต่มูลค่ารถอีก 17 ล้านคันในระบบ จะด้อยค่าลงทันที ขณะที่ภาครัฐจะสูญเสียการจัดเก็บภาษี 40,000-100,000 บาท/คัน
ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วยังระบุอีกว่า ยอดขายรถมือสองไตรมาส 1 ปีนี้ ลดลง 25% จากที่คาดการณ์ว่าจะลดลง 5% ทำให้คาดว่าทั้งปียอดขายจะลดลงกว่า 20%.-สำนักข่าวไทย