BIG STORY : เร่งคลี่ปม “แม่ปุ๊ก” วางยาลูก จ่อเอาผิดฐานบังคับให้เป็นทาส ตรวจเส้นทางการเงิน

กทม. 25 พ.ค. – กองบังคับการปราบปรามเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของ “แม่ปุ๊ก” ที่ต้องสงสัยวางยาลูกเพื่อรับเงินบริจาค และอยู่ระหว่างพิจารณาเอาผิดในข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฐานบังคับใช้แรงงานกับบังคับให้เป็นทาส


พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา  ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม กล่าวถึงการดำเนินคดี “แม่ปุ๊ก” หรือ น.ส.นิษฐา อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาในคดีวางยาลูกเพื่อรับเงินบริจาค 20 ล้านบาท ล่าสุดอยู่ระหว่างสืบสวนแกะรอยเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา เพราะทราบว่าถูกโอนออกจากบัญชีทั้งหมด  และขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเอาผิด “แม่ปุ๊ก” เพิ่มเติม เพราะอาจเข้าข่ายลักษณะบังคับใช้แรงงานกับบังคับให้เป็นทาสตามกฎหมายค้ามนุษย์ หลังการสืบสวนพบว่าพฤติการณ์ทั้งหมดมีการทำร้ายเด็กเพื่อหวังให้มีคนสงสารและโอนเงินบริจาค จากการให้ข้อมูลของ “น.ส.เอม” แม่ที่แท้จริงของ “ด.ญ.อมยิ้ม” ตั้งแต่ช่วงที่เกิดคดีความเชื่อว่าไม่น่าจะได้รับประโยชน์จากการก่อเหตุครั้งนี้ แต่เป็นเพียงแค่ต้องการหาคนอุปการะเพราะขณะตั้งครรภ์อยู่ระหว่างการเรียนหนังสือ 


ลำดับพฤติการณ์ “แม่ปุ๊ก” 

เมษายน 2558

“แม่ปุ๊ก” รับ “ด.ญ.อมยิ้ม” มาดูแลจากแม่ที่แท้จริงชื่อ “น.ส.เอม” ที่รู้จักผ่านสังคมออนไลน์ และ “น.ส.เอม” ยกลูกให้ดูแลเพราะตั้งครรภ์ไม่พร้อม ประกอบกับอีกฝ่ายอ้างว่าจบเภสัชกร จึงเชื่อว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่า


กันยายน 2560 

“แม่ปุ๊ก” ได้แจ้งเกิด “ด.ช.อิ่มบุญ” ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า “ด.ช.อิ่มบุญ” คลอดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 แต่ไม่แจ้งชื่อพ่อเด็ก


พฤศจิกายน 2560 – กันยายน 2561

“แม่ปุ๊ก” เลี้ยงดูทั้งสองคนและโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกที่แท้จริง และเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว 

เดือนกันยายน 2561

“แม่ปุ๊ก” หลอกให้ “น.ส.เอม” ซึ่งเป็นแม่ที่แท้จริงของ “ด.ญ.อมยิ้ม” เปิดบัญชีธนาคารและส่งสมุดบัญชี บัตร ATM พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาให้ โดยอ้างว่าจะนำไปทำประกันสุขภาพให้กับ “ด.ญ.อมยิ้ม” แต่บัญชีดังกล่าวถูกนำไปรับบริจาค อีกทั้งมีข้อมูลว่านำข้อมูลต่างๆ ไปเปิดบัญชีเพิ่มเติมอีก 2 บัญชี รวมเป็น 3 บัญชี

พฤศจิกายน 2561

“แม่ปุ๊ก” โพสต์อ้างว่า “ด.ญ.อมยิ้ม” ป่วยด้วยโรคหายาก พร้อมเปิดรับบริจาค-ขายสินค้าผ่านบัญชี “น.ส.เอม” อีกทั้งพบว่า “แม่ปุ๊ก” แสดงตนให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็น “น.ส.เอม” ผ่านชื่อและนามสกุลจริง จนมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก

สิงหาคม 2562

“ด.ญ.อมยิ้ม” เสียชีวิตลง และมีข้อมูลสำคัญว่า “แม่ปุ๊ก” ได้ห้ามแม่ที่แท้จริง คือ “น.ส.เอม” เข้ามาเยี่ยมดูอาการไข้และไม่ให้ไปร่วมงานศพ โดยอ้างว่าสามารถดูแลได้ และไม่อยากเห็นหน้า “น.ส.เอม” เนื่องจากมีหน้าตาคล้ายกับ “ด.ญ.อมยิ้ม” หากเห็นแล้วจะคิดถึง ทำให้อีกฝ่ายหลงเชื่อ ไม่เข้าเยี่ยมและไม่ไปร่วมงานศพ

มกราคม 2563

“แม่ปุ๊ก” โพสต์อ้างอีกว่า “ด.ช.อิ่มบุญ” ลูกชายคนเล็กป่วย อาเจียนเป็นเลือด ต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินบริจาค รวมถึงสั่งซื้อสินค้าเพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลอีกทางหนึ่ง แต่ทว่าผู้เสียหายจำนวนมากไม่ได้รับสินค้า ก่อนเข้าแจ้งความเอาผิด “แม่ปุ๊ก” โดยใช้ชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารไปแจ้งความ ซึ่งก็คือชื่อของ “น.ส.เอม”

เมษายน 2563

“น.ส.เอม” ถูกหมายเรียกจากตำรวจ และเข้าชี้แจงว่าบัญชีดังกล่าวถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับการมอบลูกตนเองให้กับ “แม่ปุ๊ก” และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ตำรวจกองปราบได้ขยายผลจนพบว่า “แม่ปุ๊ก” มีพฤติกรรมตามที่ปรากฏ ก่อนขอศาลอนุมัติหมายจับและเข้าจับกุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดี

ผลตรวจ DNA “อิ่มบุญ” และสารพิษ ชัดเจนสัปดาห์นี้

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ชุดสืบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามอยู่ระหว่างตรวจสอบแชตหลุดของระหว่าง “แม่ปุ๊ก” กับ “น.ส.เอม” ที่คุยกันว่า “ด.ช.อิ่มบุญ” ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกของน้องชายที่รับมาเลี้ยง ผลการตรวจ DNA จะออกมาภายในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับผลตรวจสอบสารเคมีที่พบในบ้านของ “แม่ปุ๊ก” ที่จะออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนการตรวจสอบสิทธิประกันชีวิตเด็กทั้ง 2 คน อยู่ระหว่างประสานไปยังบริษัทต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่ามีการทำประกันเด็กไว้เพื่อรับผลประโยชน์หรือไม่ จากการตรวจสอบประวัติ “แม่ปุ๊ก” เพิ่มเติมพบว่า ในอดีตเคยถูกจับกุมดำเนินคดีฐานฉ้อโกงสินค้าหลอกขายผ่านทางออนไลน์มาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อประมาณปี 2561 ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากผู้ต้องหาร้องขอต่อศาลว่าต้องดูแลลูกที่ป่วยเพียงลำพัง จึงลดโทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี

ประเด็นสำคัญในการสืบสวนเส้นทางการเงิน 5 บัญชี ล่าสุดเมื่อตรวจสอบย้อนไปปี 2561-2563 พบเงินหมุนเวียนเข้า-ออกมากกว่า 15 ล้านบาท จึงน่าสงสัยว่าเหตุใด 2 ปีกว่า เงินจำนวนมากถูกนำไปใช้เพื่อการใด แต่ยอมรับว่าต้องใช้เวลา เพราะมีเงินเข้า-ออกกว่า 8,000 ครั้ง

สำนักข่าวไทยตรวจสอบเพิ่มเติมว่า สำหรับแม่ที่แท้จริงของ “ด.ญ.อมยิ้ม” คือ “น.ส.เอม” ทราบว่าเมื่อปี 2561 ยังเป็นนักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่งในนครสวรรค์ เรียนด้านสาธารณสุข แต่เมื่อย้อนกลับไปในปี 2555 หญิงคนดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับชายชื่อ “แก๊ป”  ปัจจุบันทั้งคู่ยังคบหากันอยู่  หมายความว่าทั้งฝ่ายชายและหญิงน่าจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับการส่ง “ด.ญ.อมยิ้ม” ให้กับ “แม่ปุ๊ก” ไปเลี้ยงตั้งแต่แรก.. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย