กทม. 27 พ.ค. – นักอาชญาวิทยาวิเคราะห์แรงจูงใจที่ทำให้ “แม่ปุ๊ก” ลงมือทำร้ายเด็กทั้งสองคน พบว่าสาเหตุหลักมาจากเรื่องเงิน และผู้ก่อเหตุเรียนรู้วิธีการก่อเหตุด้วยตัวเองจากคดีฉ้อโกงที่เคยก่อจนกล้าก่อเหตุซ้ำ
คดีที่ “แม่ปุ๊ก” ตกเป็นผู้ต้อหาวางยาเด็กวัย 4 ขวบ จนเสียชีวิต และก่อเหตุซ้ำกับลูกของตัวเองวัย 2 ขวบ เพื่อเรียกรับเงินบริจาค จนมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 15 ล้านบาท นักอาชญาวิทยา ม.รังสิต วิเคราะห์แรงจูงใจที่อาจทำให้แม่รายนี้ก่อเหตุ โดยเทียบเคียงกับทฤษฎีความกดดันทางสังคม ที่สภาพแวดล้อมและฐานะทางสังคมบีบคั้น เช่น ต้องการร่ำรวย จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินจำนวนมากโดยไม่สนใจวิธีการที่ได้มา
คดีนี้มีความต่างจากคดีที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ ที่ผู้ก่อเหตุมักเลียนแบบพฤติกรรมการหลอกลวงจากคดีอื่น แต่ผู้ก่อเหตุรายนี้เรียนรู้วิธีการด้วยตัวเอง ทั้งจากคดีฉ้อโกงที่เคยก่อและจากการลงมือกับเด็กรายแรกจนเสียชีวิต แต่ไม่มีใครรู้ จึงกล้าก่อเหตุซ้ำกับเด็กรายที่ 2 ซึ่งเป็นลูกของตัวเอง
นักอาชญาวิทยายังระบุด้วยว่า แม้คดีการแสวงหาประโยชน์จากเด็กจะเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น บังคับค้าประเวณี การใช้แรงงาน แต่การก่อเหตุที่ผู้เป็นแม่ใช้ความรุนแรงกับลูกเพื่อแลกผลประโยชน์ ถือเป็นกรณีศึกษาที่ไม่ใช่แค่คดีความรุนแรงในเด็กหรือคดีฉ้อโกงทั่วไป เพราะอาจลุกลามไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ได้. – สำนักข่าวไทย