กรุงเทพฯ 22
พ.ค.-“บุญญนิตย์ “ลอยลำ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ.คนที่ 15 เป็นวิศวะ มช.คนแรกที่ขึ้นตำแหน่งนี้ รับงานท้าทาย
ที่ กฟผ.ต้องแข่งขันในภาวะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง
นายกุลิศ
สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ.วันนี้ (22 พ.ค. ) เห็นชอบ
ตามที่คณะกรรมการสรรหา ผู้ว่าการ ฯ คนใหม่ เสนอ รายชื่อ นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ได้รับการคัดเลือกดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ
กฟผ.คนใหม่ แทน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ
คนปัจจุบันที่จะครบวาระ วันที่ 3 ธันวาคม 2563 สำหรับขั้นตอนต่อไป จะพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปและเสนอ
ครม.เห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ นายบุญญนิตย์ อายุ 57 ปี จบปริญญาตรี
วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต
(วิศวกรรมเครื่องกล) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
และ Master of Business Administration
(Energy Management), University of Montreal แคนาดา และยังอบรมหลาย หลักสูตร เฃ่น หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร
(วปอ.) รุ่นที่ 61
นายบุญญนิตย์ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่องเคยระบุว่า กฟผ. เจอสิ่งรุมเร้าจากภายนอกมากมาย ทั้ง Disruptive
Technology และกระแสสังคม
หาก กฟผ. นิ่งเฉย ไม่ได้ทำอะไร ก็จะอยู่ต่อไปได้ยาก ดังนั้น
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับมาทบทวนตัวเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์การในเดือนตุลาคม2561
มีการรวมสายงานต่างๆ เข้าด้วยกัน
ทำให้การทำงานคล่องตัว และองค์การก็มีความกระชับมากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไปคือการเปลี่ยนแปลง Mindset ของตัวเอง เปลี่ยนวิธีการทำงาน ระบบบุคลากร
และสิ่งจูงใจต่างๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานต้องการที่จะสร้างผลงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
โดยทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนพร้อมกัน
ให้การดำเนินงานขององค์การมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“แน่นอนว่า
การเปลี่ยนตัวเองนั้น ย่อมดีกว่าให้คนอื่นมาเปลี่ยน
เพราะเราเองจะเข้าใจและรู้ว่าจะต้องเปลี่ยนอย่างไร
แต่ถ้าเรามัวแต่รอให้คนอื่นมาเปลี่ยนก็จะทำให้เราตั้งรับไม่ทัน
และอาจจะเจอสิ่งที่เราไม่ต้องการได้ และในยุคของการแข่งขันเช่นนี้
จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ปฏิบัติงานในสายงานทุกคน
ช่วยกันขับเคลื่อนงานด้านธุรกิจดังกล่าวให้คู่ขนานไปกับภารกิจหลักของ กฟผ.
ซึ่งเป็นการผลิตและส่งไฟฟ้า ให้สามารถแข่งขันกับภายนอกได้ หากทุกคนช่วยกันก็จะทำให้องค์การให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
และมีรายได้เข้าสู่องค์การอย่างต่อเนื่อง” นายบุญญนิตย์ระบุ –สำนักข่าวไทย