สุราษฎร์ธานี 22 พ.ค. – เหตุการณ์ชาวประมงพื้นบ้านกว่า 300 คน ในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ล้อมรถ 3 นายตำรวจนอกรีดใช้ปืนจี้เอวเรียกเงินชาวประมง 5 ล้านบาท ล่าสุดพนักงานสอบสวนนัดสอบปากคำชาวประมงผู้เสียหายบ่ายวันนี้
ความคืบหน้ากรณีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านกว่า 300 คน ในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ล้อมรถเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 8 จำนวน 3 นาย ในพื้นที่ ม.4 ชุมชนบางสำโรง ต.ท่าทองใหม่ เหตุไม่พอใจตำรวจใช้อาวุธปืนจี้บังคับนายอนุชา บินมูซา หรือบังหมัด บินมูซาฟาร์ม อายุ 46 ปี ยึดลูกหอยแครงอายุขนาด 1 เดือน 23 กระสอบ มูลค่าประมาณ 500,000 บาท พร้อมขู่เรียกเงิน 5 ล้านบาท ขณะที่บังหมัดกำลังรับซื้อลูกหอยแครงจากชาวบ้าน ท่ามกลางชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ จึงรวมตัวกันเกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 300 คน ปิดล้อมรถ ตำรวจทั้ง 3 นาย ต้องรีบวิ่งขึ้นรถล็อกประตูอย่างแน่นหนา และขอกำลังตำรวจ สภ.กาญจนดิษฐ์ กับฝ่ายปกครอง ช่วยเหลือ
ต่อมาทางนายอำเภอกาญจนดิษฐ์ กับ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ เข้ามาเจรจาแต่ไม่เป็นผล ชาวบ้านเรียกร้องให้ย้าย 3 นายตำรวจออกจากพื้นที่ 24 ชั่วโมง พร้อมให้สอบสวนทางวินัย สุดท้ายนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.สุราษฎร์ธานี เข้าเจรจารับปากจะจัดการให้ตามคำเรียกร้องของชาวบ้าน ตำรวจ 3 นาย จึงรอดตายหวุดหวิด เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดนายอนุชา บินมูซา หรือบังหมัด บินมูซาฟาร์ม ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 3 นาย ประกอบด้วย ร.ต.อ.อดิศักดิ์ ชูประเสริฐ ดาบตำรวจพิเชษฐ์ ชูรัตน์ และดาบตำรวจธันยพงศ์ ตั้นวิริยะวงศ์ จำนวน 2 ข้อหา คือข้อหากรรโชกทรัพย์ กับข้อหาประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมี พ.ต.ท.อรุณ จันทร์พูล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กาญจนดิษฐ์ เป็นผู้รับแจ้ง พร้อมกันนี้นายอนุชาร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยอีกด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอยากให้ออกจากราชการ เพราะหากยังรับราชการอยู่อาจจะไปทำพฤติกรรมเช่นนี้ที่อื่นอีก โดยพนักงานสอบสวนนัดสอบปากคำนายอนุชาในเวลา 14.00 น. วันนี้
ขณะที่นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ส่งกำลังดูแลความปลอดภัยกลุ่มชาวประมง และสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝังที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำกำลังรื้อถอนไม้ไผ่ปักแนวเขตคอกหอย 1,000 เมตร ออกจากทะเลในพื้นที่ ต.คลองฉนาก กับ ต.บางชนะ ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร พื้นที่กว่า 2,000 ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่สาธารณะทั้งหมด โดยที่ชาวประมงพื้นบ้านจำนวนมากแห่ลงจับลูกหอยแครงกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด.-สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
►ชาวบ้านแจ้งความตำรวจสืบสวนภาค 8 ขู่เรียกรับเงิน 5 ล้านบาท
►สั่งเด้ง 3 ตำรวจจับคดีหอยแครง เรียกเงิน 5 ล้าน