เลย 18 พ.ค. – ชาวบ้านร้องบ่อกำจัดขยะเทศบาลเมืองเลย ขยะล้น ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง และมีน้ำเน่าเสียไหลลงแหล่งน้ำสาธารณะ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน
ชาวบ้านร้องเรียนสื่อมวลชนได้รับความเดือดร้อนจากบ่อกำจัดขยะเทศบาลเมืองเลย ที่ตั้งอยู่ริมถนนเลย-เชียงคาน บ้านโคกสว่าง ต.ศรีสองรัก อ.เมือง จ.เลย ส่งกลิ่นเหม็นและมีน้ำเน่าเสียไหลออกไปนอกพื้นที่ ทำให้พืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน และแหล่งน้ำสาธารณะปนเปื้อนสิ่งสกปรก
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบ่อขยะ พบว่ามีปริมาณมาก จนกองสูงประมาณ 3-5 เมตร บนพื้นที่ 50 ไร่ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ซึ่งขยะที่นำมาทิ้งส่วนใหญ่เป็นขยะเปียก เศษอาหาร และถุงพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้
นายกฤษฎา จันทร์บาล หัวหน้าฝ่ายช่างสุขาภิบาล เทศบาลเมืองเลย เปิดเผยว่า สถานการณ์บ่อกำจัดขยะของเทศบาลเมืองเลย ขณะนี้เข้าขั้นวิกฤติแล้ว คาดว่าอีกไม่เกิน 1-2 ปี ก็จะไม่มีที่ทิ้ง ตอนนี้ไม่สามารถฝังกลบตามวิธีการที่กำหนดไว้แล้ว ทำได้เพียงนำมาทิ้งกองไว้เท่านั้น ซึ่งบ่อกำจัดขยะแห่งนี้ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกือบทั้งจังหวัด รวม 29 แห่ง และอีก 4 หน่วยงาน ทั้งรัฐและเอกชน นำมาทิ้ง ขณะที่พื้นที่มีเพียง 51 ไร่ ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้พื้นที่ ไม่สามารถขยายออกไปได้อีกแล้ว
สำหรับปริมาณขยะ ปัจจุบันมีวันละ 170 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ประมาณวันละ 10 ตัน เฉลี่ยเดือนละ 5,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 1,000 ตัน ขณะที่บ่อขยะสามารถรองรับได้เพียงวันละ 50 ตัน จึงเป็นปัญหาที่เทศบาลเมืองเลยต้องแบกรับภาระงบประมาณในการจัดการขยะ โดยเฉพาะหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา ปริมาณขยะประเภทถุงพลาสติก กล่องบรรจุอาหาร เพิ่มขึ้นวันละ 5-6 ตัน เพราะคนส่วนใหญ่สั่งอาหารมารับประทานที่บ้าน
ส่วนการแก้ปัญหาไม่ให้น้ำเสียไหลออกจากพื้นที่บ่อขยะ ขณะนี้กำลังขุดท่อระบายน้ำ ทำคันดินกั้น และทำถนนคอนกรีต เพื่อให้รถวิ่งเข้ามาทิ้งตรงจุดกึ่งกลางของบ่อได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ให้ขยะไปกองสะสมอยู่ด้านข้าง เพราะหน้าฝนน้ำจะไหลนองออกไปข้างนอก
สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว ทางกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กำลังพิจารณาอนุมัติงบประมาณ ร่วมกับภาคเอกชน ดำเนินโครงการติดตั้งเครื่องจักรคัดแยก และขนเอาขยะพลาสติกไปเป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เคียง จ.เลย ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ ก็จะมีพื้นที่ว่าง สามารถรองรับปริมาณขยะได้เพิ่มขึ้นอีก. – สำนักข่าวไทย