ทำเนียบรัฐบาล 20 พ.ย. – ชาวบ้านแม่สอดบุกร้องนายกฯ แก้ปัญหาขยะล้น ส่งกลิ่นเหม็น น้ำเสีย เร่งหาวิธีการกำจัด
กลุ่มชุมชนสองแคว 1 และชาวบ้านในเขตเทศบาลนครแม่สอด และ อบต.แม่ปะ จ.ตาก จำนวน 100 คน นำโดยนายสมควร พรมมา ประธานชุมชนสองแคว 1 ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในเขตพื้นที่ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด โดยมีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ พร้อมนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)
นายสมควร กล่าวว่า ชาวบ้านได้รับผลกระทบ จากปัญหาขยะมูลฝอยในเขตพื้นที่อ.แม่สอด เนื่องจากบ่อขยะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 10 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เทศบาลนครแม่สอดดำเนินการมากว่า 30 ปี ซึ่งนอกจากขยะที่เทศบาลนครแม่สอดดำเนินการจัดเก็บแล้ว ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงและต่างอำเภอ ทั้งในเขต อ.พบพระ อ.แม่ระมาค และ อ.ท่าสองยาง ยังนำขยะมาทิ้งอีกวันละไม่ต่ำกว่า 150 ตัน นับวันขยะเพิ่มมากขึ้น ถึงวันนี้มีขยะตกค้างไม่ต่ำกว่า 6 แสนตัน กองสูงเท่ากับตึก 2 ชั้น ส่งกลิ่นเหม็นเน่าเสีย และน้ำเน่าเสีย ส่งผลกระทบต่อชีวิตชาวบ้านบริเวณโดยรอบ และจากปัญหาขยะล้นส่งผลให้ทางทางเทศบาลนครแม่สอด ไม่สามารถทิ้งขยะได้เพิ่มอีกในปี 2568
นายสมควร กล่าวว่า ยังทราบว่าเทศบาลนครแม่สอดได้ดำเนินการให้บริษัทเอกชน คือ บริษัท คลีนแพลนนิ่ง จำกัด ดำเนินการก่อสร้างโรงผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยใช้ขยะในชุมชนเป็นเชื้อเพลิงเผา เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต 6.0 เมกะวัตต์ โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 10 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ คาดเปิดใช้ได้ต้นปี 68 แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ เกิดเหตุการณ์โควิด-19 ทำให้โครงการล่าช้า ส่งผลให้โครงการไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ได้ทันตามกำหนดในปี 2564 รวมถึงยังติดขัดที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ยกเลิกสัญญา ซื้อขายกระแสไฟฟ้าระหว่างบริษัทกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งได้ขอให้มีการขยายสัญญาออกไป แต่ กกพ. ยังไม่มีมติให้ขยายเวลา ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงประธานกรรมการกำกับกิจการ เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการพิจารณาขยายระยะเวลาการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ให้กับโครงการ และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาบอกขยะล้นในพื้นที่ และบริษัทจึงได้ยื่นอุทธรณ์เรื่องดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุดแล้ว
“พวกผมจึงเห็นว่าหากยังไม่มีการต่อสัญญาการซื้อขายกระแสไฟฟ้า ระหว่าง บริษัท คลีนแพลนนิ่ง จำกัด กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็ยังจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เพราะขยะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน สุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือชาวบ้านที่อยู่ในชุมชน“ นายสมควร กล่าว
จากนั้นนายสงคราม ได้ประชุมร่วมกับชาวบ้านสอบถามถึงปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย