ธพ.เตรียมเข้มตรวจโรงงานเอทานอลหวั่นกระทบแผนอี 20

กรุงเทพฯ 30 พ.ย. – กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เตรียมตรวจเข้มโรงงานผลิตเอทานอล ต้องรายงานแผนผลิตที่ชัดเจน หลังปีนี้ผลิตต่ำกว่าแผน จนผู้ค้าน้ำมันขอลดสำรอง ระบุหากไม่ชัดเจนกระทบแผนส่งเสริมอี 20


นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดี ธพ. เปิดเผยว่า เตรียมหารือกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เพื่อ ให้ ธพ.เข้าไปดูแลโรงงานผลิตเอทานอลอย่างเต็มตัว ตาม พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง 2543 โดยโรงงานเอทานอลนับเป็นผู้ค้ามาตรา 10 ซึ่งจะต้องมีการรายงานแผนกำลังผลิตที่ชัดเจนเหมือนกับโรงกลั่นน้ำมัน ทาง ธพ.จะได้มาร่วมวางแผนในการกำกับดูแลเพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน ป้องกันปัญหาการขาดแคลน และยังให้เกิดความเชื่อมั่นว่ากำลังผลิตเอทานอลจะมีเพียงพอ สำหรับการส่งเสริมการใช้ให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตามแผนหลักที่จะให้น้ำมันอี 20 เป็นน้ำมันที่มีการใช้เป็นหลักในกลุ่มเบนซิน

“ปัญหาการผลิตเอทานอลปีนี้ คือ เกิดปัญหากำลังผลิตตึงตัว เพราะโรงงานผลิตไม่ได้ตามแผน แผนที่ระบุว่าจะผลิตตามความต้องการใช้ขณะนี้ 3.6 -3.8    ล้านลิตรต่อวัน ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมัน ทั้งเชฟรอน (คาลเท็กซ์) ปตท. และเอสโซ่ กลัวว่าจะขาดแคลนและได้ยื่นหนังสือขอนำสำรองเอทาอลตามกฏหมายร้อยละ 1  มาใช้ โดยกรมฯ ยังไม่อนุมัติ เพราะจะไปตรวจโรงงานเอทานอลและเรียกประชุมผู้ผลิตเสียก่อน ซึ่งโรงงานเอทานอลทำให้ภาครัฐไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเดินหน้าส่งเสริมอี 20 ได้เต็มที่หรือไม่” นายวิฑูรย์ กล่าว


ทั้งนี้ ผู้ผลิตเอทานอลส่งออกจำนวนมากเมื่อช่วงต้นปี 2559 เพราะราคาส่งออกดี แต่เมื่อเกิดปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่ออ้อย ก็ทำให้กำลังผลิตช่วงปลายปีตึงตัวเริ่มส่งได้ไม่ครบ ทางผู้ค้าน้ำมันเลยมีความวิตกกังวลว่าอาจจะขาดได้ เพราะในช่วงสิ้นปีนี้การใช้น้ำมันเพื่อการเดินทางจะมีสูง อย่างไรก็ตาม ธพ.ประเมินว่าปัญหาอาจจจะคลี่คลายได้เนื่องจากวันที่ 6 ธันวาคมนี้โรงงานน้ำตาลทรายจะเริ่มทยอยเปิดหีบ ซึ่งจะทำให้เริ่มมีโมลาส (กากน้ำตาล) ซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตเอทานอลมากขึ้น

สำหรับการเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจากร้อยละ 3 (บี 3) เป็นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 (บี 5 ) มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น  เบื้องต้นพบว่าทำให้ราคาไบโอดีเซล (บี100) ปรับขึ้นจากเดิม 32 บาทมาอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร  ขณะที่น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ขยับขึ้นในอัตราเท่ากันมาอยู่ที่ 29-30 บาทต่อลิตร  ซึ่งปกติช่วงนี้ราคาปาล์มจะแพงก็ต้องติดตามต่อเนื่องก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจลดหรือเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซล.-สำนักข่าวไทย

 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย