กรุงเทพฯ 16 ธ.ค. – นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมาเห็นชอบเปิดเสรีธุรกิจก๊าซแอลพีจี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ว่า กรมฯ หารือร่วมกับผู้ค้าก๊าซแอลพีจี เพื่อทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติการนำเข้าแอลพีจี เดิมมีเพียงบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียว โดยผู้ค้าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประชุมทุกต้นเดือน เพื่อประกาศโครงสร้างราคาขายปลีกแอลพีจีใหม่ จากเดิมอิงราคาการผลิตและจัดหารวม หรือ Pool Price ที่กำหนดราคานำเข้า CP+85 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็นอิงราคานำเข้า CP+ X โดย X จะเท่าใดก็ต้องมาคำนวณแต่ละเดือน ซึ่งโครงสร้างราคาใหม่จะเริ่มประกาศใช้ เดือนมกราคม 2560 อย่างไรก็ตาม ตามสูตรโครงสร้างแอลพีจีใหม่จะไม่ส่งผลให้ราคาขายปลีกแอลพีจีในประเทศสูงขึ้นและมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกลง หากแอลพีจีตลาดโลกใกล้เคียงกับเดือนธันวาคม 405 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งลดลงจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และโครงสร้างใหม่ยังมีกองทุนน้ำมันฯ ดูแลโดยเฉพาะในส่วนของผู้บริโภคครัวเรือนเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภคจนกว่าจะมีการแข่งขันสมบูรณ์ โดยเดือนมกราคม 2560 คาดว่า X จะอยู่ที่กว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งอาจทำให้ราคาขายปลีกถูกกว่าปัจจุบันที่ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ กรมฯ จะเปิดให้ผู้ค้าที่มีแผนเริ่มนำเข้าแอลพีจีตามโครงสร้างใหม่สามารถยื่นคำขอได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมนี้ และยื่นแผนนำเข้าทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน โดยไม่กำหนดโควตานำเข้า แต่จะบริหารจัดการไม่ให้เกิดการขาดแคลน ซึ่งตามกฎหมายจะต้องเก็บสำรอง ร้อยละ 1 และผู้ค้าจะต้องแจ้งแผนนำเข้า ส่งออกล่วงหน้า 3 เดือน เบื้องต้นมีผู้ประกอบการ 2 รายที่มีแผนนำเข้าแอลพีจี คือ สยามแก๊สและ ปตท. ที่มีการนำเข้าอยู่แล้ว ส่วนผู้ค้าที่ต้องการเช่าคลังเก็บแอลพีจี ที่เขาบ่อยาส่วนขยายของ ปตท.ยังต้องรอให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จัดทำโครงสร้างค่าเช่าคลัง เพื่อเสนอ กบง.อนุมัติภายในเดือนเมษายน 2560 จากนั้นจะเปิดให้เอกชนเช่า โดยค่าเช่าจะต้องเท่ากับ ปตท.จ่ายด้วย ส่วนแนวโน้มการนำเข้าแอลพีจีปี 2560 คาดว่าจะต้องนำเข้าไม่ต่ำกว่า 40,000 ตันต่อเดือน และหากครึ่งปีหลังราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นอาจส่งผลให้การนำเข้าแอลพีจีนครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า โครงสร้างเปิดเสรีธุรกิจแอลพีจีจะส่งผลให้ธุรกิจแอลพีจี แข่งขันรุนแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและจะมีการบรรจุก๊าซแอลพีจียี่ห้อใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ล่าสุดผู้ค้าแอลพีจีภายใต้แบรนด์ “บิ๊กแก๊ส” แจ้งกรมฯ เพื่อขอทำถังแอลพีจีเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับผู้ค้าแอลพีจีบางกลุ่มแจ้งจะรวบรวมสมาชิก เพื่อขอนำเข้าแอลพีจีเองจากเดิมเคยสั่งซื้อ ขณะเดียวกันถังก๊าซฯ ยี่ห้อใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดมากขึ้นจะเป็นกลไกผลักดันให้ถังเก่าเสื่อมคุณภาพหายออกไปจากตลาด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค.-สำนักข่าวไทย