ทำเนียบรัฐบาล 29 เม.ย.-ศบค.เผยผู้ป่วยใหม่ 9 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ชี้แม่ที่ป่วยโควิด-19 ให้นมลูกได้ ไม่ติดเชื้อผ่านน้ำนม ชื่นชมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือเพิ่มขึ้น ย้ำยังต้องคุมการเข้า-ออก ป้องกันการนำเชื้อเข้ามา
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ (29 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 9 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,947 ราย รักษาหาย 2,665 ราย รักษาตัวอยู่ 228 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย ทั้งนี้ จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 9 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 6 ราย(กทม. 3 ภูเก็ต 3 โดยอยู่ในครอบครัวเดียวกัน 2 ราย จาก 3 ราย) บุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยใหม่ 9 รายอยู่ในภูเก็ต 4 ราย กรุงเทพมหานคร 3 ราย สมุทรปราการ 2 ราย
“ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,947 ราย พบใน 5 จังหวัดสูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,488 ราย ซึ่งอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 9 ราย ภูเก็ต 213 ราย นนทบุรี 157 ราย ยะลา 113 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 113 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 51.52 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 26.24 ยะลา ร้อยละ 21.15 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.50” โฆษกศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึง 26 เมษายน จำนวน 88 ราย ถือเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยทั้งหมด และไม่พบผู้เสียชีวิต ชายและหญิงเท่ากันที่อัตรา 1:1 พบในผู้ป่วยชาวไทยร้อยละ 90 และต่างชาติร้อยละ 10 โดยเฉลี่ยอายุ 0-4 ปี พบร้อยละ 34 อายุ 5-9ปี ร้อยละ 32 และอายุ10-14 ปี ร้อยละ 34 โดยมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้ามากที่สุดร้อยละ 86.4 มีประวัติเดินทางจากต่างประเทศร้อยละ 3.4 ไปสถานที่แออัด ร้อยละ 3.4 และไม่มีข้อมูล ร้อยละ 6.8 พบที่จังหวัดภูเก็ต ยะลาและปัตตานีมากที่สุด ซึ่งเชื่อมโยงกับผู้ที่ประกอบพิธีทางศาสนา นอกจากนี้พบว่าผู้ป่วยเด็กสัมผัสจากพ่อแม่มากที่สุด ร้อยละ 45 บุคคลอาศัยร่วมบ้าน ร้อยละ 24 ญาติ ร้อยละ 8
“มูลนิธิศูนย์นมแม่ให้ข้อมูลว่า สำหรับแม่ที่ให้นมลูก ซึ่งอาจจะเป็นผู้ป่วยโควิด-19 การติดเชื้อไม่สามารถผ่านทางน้ำนมแม่ได้ ผู้ป่วยจึงให้นมลูกได้ แต่ต้องป้องกันให้ดี ทั้งใส่หน้ากากอนามัยหรืออาจจะใช้วิธีการปั๊มนมแล้วให้ลูกกิน หากไม่มีความจำเป็น ไม่แนะนำว่าจะต้องเปลี่ยนให้ลูกไปกินนมผง เพราะจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่าย และเด็กอาจจะไม่ได้รับภูมิคุ้มกันจากนมแม่” โฆษกศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อดูพฤติกรรมของคนไทย เรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงวันที่ 12-18 มีนาคม และ 30 มีนาคม – 5 เมษายน พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ปฎิบัติ ร้อยละ 87.1 เพิ่มเป็น ร้อยละ 87.7 ขณะที่ประชาชนปฏิบัติ ร้อยละ 86.9 ถือว่าลดลงเหลือ 82.4 จะเห็นได้ว่าจากตัวเลขที่ลดลงของประชาชนคือมีหลายคนไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ส่วนการล้างมืออย่างสม่ำเสมอ พบว่าประชาชนให้ความสำคัญมากขึ้น โดยบุคลากรทางการแพทย์จากร้อยละ 93 เป็นร้อยละ 97.4 ส่วนประชาชนจากร้อยละ 83.6 เป็นร้อยละ 87.5 การใส่หน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้านและอยู่ในที่ชุมชน พบว่าประชาชนทั่วไปใส่ หน้ากากอนามัยจากร้อยละ 60.7 เป็น ร้อยละ 92.6 และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน ร้อยละ 70 เพิ่มเป็นร้อยละ 96.8 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่ทุกคนปฏิบัติและร่วมมือดูแลตัวเองอย่างดี
โฆษกศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,138,190 ราย เสียชีวิต 217,974 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 1,035,765 ราย เสียชีวิต 59,266 ราย ไทยอยู่ที่อันดับที่ 59 ของโลก ขณะที่ในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย พบว่า อินเดียอยู่ที่ อันดับที่ 15 ของโลก สิงคโปร์ อันดับที่ 16 ของโลก ปากีสถาน อันดับที่ 27ของโลก ญี่ปุ่นอันดับที่ 29 ของโลก และเกาหลีใต้ อันดับที่ 35 ของโลก
“เรื่องนี้จะต้องให้ความสำคัญ ทั้งเรื่องทางชายแดนรวมถึงเรื่องการบิน เพราะต้องพิจารณาว่าสถานการณ์โลกเป็นอย่างไร หากเปิดน่านฟ้าให้คนต่างชาติเข้ามาได้ แม้ไทยจะสถานการณ์ดี แต่สถานการณ์โลกยังไม่ดี มาตรการต่าง ๆ คงยังต้องบังคับใช้อยู่ เพื่อไม่ให้นำเชื้อเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ วันนี้(29 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างกลับจากอินเดีย 189 คน พรุ่งนี้(30 เม.ย.) จากรัสเซีย 15คน ศรีลังกาและมัลดีฟ์ 40 คน และอินเดีย 170 คน โดยรวมผู้ที่เดินทางกลับเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 4-28 เมษายน จำนวน 2,981 คนจาก 22 ประเทศ ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับผ่านจุดผ่านแดนทางบก วานนี้(28 เม.ย.) จากเมียนมา 3 คน มาเลเซีย 364 คน ลาว 2 คน กัมพูชา 3 คน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว พบประชาชนออกนอกเคหสถาน 589 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 79 ราย จังหวัดที่ฝ่าฝืนกฎหมายสูงสุดคือกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ปัตตานี สมุทรสาคร ภูเก็ตและสมุทรปราการ.-สำนักข่าวไทย