กรุงเทพฯ 2 เม.ย. – ปตท.สผ.ยืนยันสถานะการเงินยังคงแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องสูง พร้อมฝ่าภาวะราคาน้ำมันดิ่ง และพร้อมปรับแผนงานในอนาคตตามสถานการณ์
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 60% ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ปตท.สผ.ประเมินว่าปริมาณการขายปี 2563 อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะ โดยปริมาณการขายที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 388,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ไม่เกิน 5% เนื่องจากปริมาณการขายของบริษัทกว่า 70% เป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มีการกำหนดปริมาณรับซื้อขั้นต่ำไว้แล้วตามสัญญา ด้านราคาขายซึ่งประกอบด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่วนของน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณการขายประมาณ 30% ของปริมาณการขายทั้งหมด อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงด้านราคาไว้แล้วบางส่วน สำหรับราคาขายก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ปตท.สผ. ได้กำหนดราคาขายในหลายโครงการกับคู่สัญญาไว้แล้ว ซึ่งหากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทในระยะต่อไป
“จุดแข็งที่สำคัญของ ปตท.สผ. คือ มีโครงสร้างต้นทุนในระดับต่ำ เป็นผลมาจากการที่เราทำการปรับตัวในช่วงที่ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเผชิญกับวิกฤติราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่โครงการหลักอยู่ในไทย มาเลเซีย เมียนมา และตะวันออกกลาง ซึ่งถือว่ามีต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก ทำให้บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไว้ได้ ประกอบกับสถานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันที่ยังมีความมั่นคง จึงมั่นใจว่าจะสามารถรองรับความผันผวนของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี” นายพงศธร กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นเตรียมการรับมือกับราคาน้ำมันที่อาจจะอยู่ในระดับต่ำระยะยาว บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การเลื่อนแผนการเจาะสำรวจในบางโครงการออกไป เป็นต้น
สำหรับแผนการดำเนินงานในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) นั้น ยังคงดำเนินการแผนเดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้รวมกัน 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตที่มีไว้กับรัฐบาลในปี 2565-2566
นายพงศธร กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบวงกว้าง ซึ่ง ปตท.สผ.มีแผนการบริหารจัดการภาวะวิกฤติและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management หรือ BCM) รองรับสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสามารถผลิตปิโตรเลียมให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ปตท.สผ. ยังได้ให้การสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส เช่น มอบหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้กับเขตจตุจักรนำไปส่งต่อให้กับประชาชน มอบแอลกอฮอล์ให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อนำไปผลิตเจลล้างมือแจกจ่ายประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนสถาบันการศึกษาและโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยยับยั้งและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ชุดตรวจคัดกรองความเสี่ยงโควิด-19 (Strip test), ชุดตรวจวินิจฉัยไวรัสโควิด-19, เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ รวมทั้ง รถพยาบาลและเครื่องช่วยหายใจ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยป้องกันไวรัสโคโรนา-19
“เชื่อว่าขณะนี้ทุกองค์กรมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การทำให้คนไทยปลอดภัย ซึ่ง ปตท.สผ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเต็มความสามารถ ขณะเดียวกันขอให้ความมั่นใจว่า ปตท.สผ.จะยังคงปฏิบัติภารกิจในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างเข้มแข็ง เพื่อเป็นพลังงานให้กับประเทศไทยและคนไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายพงศธร กล่าว.-สำนักข่าวไทย