ชัวร์ก่อนแชร์: “ดื่มสุราพอเหมาะ” ดีต่อสุขภาพ จริงหรือ?

20 กันยายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

ความเชื่อว่าการดื่มสุราปริมาณไม่สูงเกินไป จะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยหลายชิ้นว่าไม่เป็นความจริง โดยพบว่าการดื่มสุราอย่างต่อเนื่องเพียงเล็กน้อย เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและโรคหลายชนิด


บทสรุป :

  1. “ดื่มสุราพอเหมาะ” ดีต่อสุขภาพ เป็นความเชื่อผิด ๆ ที่เผยแพร่จากงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  2. งานวิจัยปี 2023 ไม่พบว่าการดื่มสุราปริมาณน้อย ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตทุกรูปแบบ
  3. WHO ระบุว่าไม่มีปริมาณที่ปลอดภัยจากการดื่มสุรา เนื่องจากแอลกอฮอล์คือสารก่อมะเร็ง โดยความเสี่ยงจะเพิ่มตามปริมาณที่ได้รับ

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

เมื่อปี 2023 มีการตีพิมพ์งานวิจัยเชิงวิเคราะห์อภิมานและการปริทัศน์อย่างเป็นระบบ (Systematic Review and Meta-analyses) เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชีวิตประจำวันและความเสี่ยงการเสียชีวิตในทุกรูปแบบ (Association Between Daily Alcohol Intake and Risk of All-Cause Mortality) ทางวารสารออนไลน์ JAMA Network Open ของสมาคมการแพทย์อเมริกัน (American Medical Association)


โดยเป็นการวิเคราะห์งานวิจัยผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 107 ชิ้น ที่เผยแพร่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมวิจัยรวมกันถึง 4.8 ล้านคน

ผลการศึกษาพบว่า การดื่มสุราเพียงเล็กน้อย (25 กรัมต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 45 กรัมต่อวันสำหรับผู้ชาย) ไม่มีความสัมพันธ์ต่อการลดความเสี่ยงการเสียชีวิตในทุกรูปแบบ และความเสี่ยงการเสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ

ส่วนผลวิจัยที่เคยระบุว่า การดื่มสุราอย่างเหมาะสมมีผลดีต่อสุขภาพ เป็นบทสรุปที่ผิดพลาดจากการวิจัยที่มีความลำเอียง

ส่วนงานวิจัยปี 2022 ที่ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 3.7 แสนราย พบว่าการดื่มสุราเพียงเล็กน้อยเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ

ด้านงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสาร Nature เมื่อปี 2022 พบว่าการดื่มสุราเพียง 1-2 ดริ๊งก์ ต่อวัน มีความสัมพันธ์ต่ออาการสมองฝ่อในผู้สูงวัย

ระดับแอลกอฮอล์ที่เหมาะสม

ข้อมูลจาก Dietary Guidelines for Americans 2020-2025 ระบุว่า ในหนึ่งวันผู้ชายไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิน 2 ดริ๊งก์ ผู้หญิงไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิน 1 ดริ๊งก์

มาตรฐาน 1 ดริ๊งก์ของสหรัฐอเมริกาจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ 14 กรัม เท่ากับปริมาณแอลกอฮอล์ในสุรากลั่น 1.5 ออนซ์ (42.5 กรัม) ไวน์ 5 ออนซ์ (141 กรัม) และเบียร์ 12 ออนซ์ (340 กรัม)

ที่มาความเชื่อ แอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพ

ความเชื่อเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอเหมาะในชีวิตประจำวันส่งผลดีต่อสุขภาพ ได้รับการเผยแพร่มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980s ตัวการสำคัญมาจากงานวิจัยที่นำเสนอภาพลักษณ์ด้านบวกของการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังว่ามีงานวิจัยไม่น้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยยอร์ก สหราชอาณาจักร ที่ตีพิมพ์ทางวารสาร European Journal of Public Health เมื่อปี 2020 พบว่า มีงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกือบ 13,500 ชิ้นที่ได้รับการสนับสนุนทางตรงหรือทางอ้อมจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

งานวิจัยบิดเบือน

ทิม สตอกเวลล์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย ประเทศแคนาดา หนึ่งในทีมวิจัยที่เปิดเผยความเสี่ยงการเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อธิบายต่อสำนักข่าว Washington Post ว่า งานวิจัยในอดีตที่พบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสมส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าคนไม่ดื่มหรือคนที่ดื่มมากเกินไป เกิดจากใช้กระบวนการวิจัยอย่างไม่เหมาะสม โดยไม่มีการนำตัวแปรสำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์ ทั้ง อายุ เพศ สถานะ รวมถึงกิจวัตรประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ หรือ การควบคุมอาหาร

เมื่อนำซอฟต์แวร์ทางสถิติมาวิเคราะห์โดยนำตัวแปรทั้งหมดมาคำนวณเพื่อขจัดความลำเอียงในงานวิจัย ก็ไม่พบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับปานกลางช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตแต่อย่างใด

ทิม สตอกเวลล์ พบความลำเอียงหลายอย่างในงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอดีต หนึ่งในนั้นคือการพบว่า สาเหตุที่ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสมมักถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มคนมีสุขภาพดีกว่าคนไม่ดื่มหรือคนที่ดื่มมากเกินไป เกิดจากการจัดให้กลุ่มคนที่เลิกดื่มสุราไปแล้ว มาอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ดื่มสุรา ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ที่เลิกดื่มสุราเป็นผู้สูงอายุและเลิกดื่มสุราเพราะปัญหาสุขภาพ ส่งผลให้กลุ่มคนที่ดื่มสุราระดับปานกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการดื่มสุรามากนัก มีเกณฑ์ด้านสุขภาพที่ดีกว่ากลุ่มคนไม่ดื่มสุราที่รวมเอาคนหยุดดื่มสุราเพราะปัญหาสุขภาพรวมเอาไว้ด้วย

สอดคล้องกับรายงานปี 2022 ของสมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) ที่ยืนยันว่า แอลกอฮอล์ไม่ส่งผลดีต่อหัวใจ ไม่ช่วยให้อายุยืนยาวขึ้นหรือลดความเสี่ยงโรคหัวใจ การได้รับแอลกอฮอล์ระดับใด ๆ ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งหมด

ทิม สตอกเวลล์ ยอมรับว่า งานวิจัยของเขาอาจจะไม่เป็นที่ยอมรับจากบรรดานักดื่ม เพราะมีคนอีกมากที่ชอบการสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากได้ยินคือมันส่งผลเสียต่อร่างกาย คนอยากได้ยินงานวิจัยที่บอกว่าการดื่มอย่างพอเหมาะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่น่าเสียดายที่บทสรุปดังกล่าวเป็นผลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่บกพร่องอันเกิดจากความลำเอียง

แอลกอฮอล์คือสารก่อมะเร็ง

เมื่อปี 2023 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เผยแพร่บทความชื่อ No level of alcohol consumption is safe for our health เพื่อเตือนภัยจากความเข้าใจผิดจากแนวคิดการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพ

WHO ย้ำว่าแอลกอฮอล์ถือเป็นสารพิษต่อร่างกาย เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีคุณสมบัติเป็นสารเสพติด

นอกจากนี้ องค์กรวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (IARC) ยังจัดให้แอลกอฮอล์เป็นสารก่อมะเร็งระดับที่ 1 (IARC group 1 Carcinogens) ระดับเดียวกับยาสูบ แร่ใยหิน และการสัมผัสรังสี

ความเสี่ยงเป็นมะเร็งขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ อย่างไรก็ดี สถิติในทวีปยุโรปพบว่า ครึ่งหนึ่งของสาเหตุการป่วยเป็นมะเร็งจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น มะเร็งเต้านมในผู้หญิง เกิดกับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณน้อยหรือปานกลางต่อสัปดาห์ (เบียร์ 3.5 ลิตรต่อสัปดาห์ ไวน์ 1.5 ลิตรต่อสัปดาห์ สุรา 0.45 ลิตรต่อสัปดาห์)

ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า ระดับแอลกอฮอล์เท่าใดถึงจะทำให้ความเสี่ยงการป่วยเป็นมะเร็งมีผลอย่างชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญจึงลงความเห็นว่า ความเสี่ยงจะนับตั้งแต่การดื่มครั้งแรก และเพิ่มตามปริมาณการดื่ม

นอกจากนี้ ยังไม่มีงานวิจัยใดพบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีประโยชน์ด้านการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าความเสี่ยงการป่วยเป็นมะเร็งจากการดื่มแอลกอฮอล์

ผู้เสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

แม้ผลสำรวจจะพบว่า คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะเจน Z (เกิดกลางทศวรรษ 1990s – ต้นทศวรรษ 2010s) ทั้งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ให้ความสนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง แต่กลับพบว่าความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประชากรกลุ่มวัยกลางคนกลับเพิ่มขึ้น และส่งผลให้การเสียชีวิตจากแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า ชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างปี 2020-21 เพิ่มจากปี 2016-17 ถึง 29.3%

ปัจจัยมาจากความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด และการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ง่ายขึ้นจากราคาที่ถูกลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ หลังสหรัฐฯ ไม่ขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่ปี 1991 พร้อมกับการลดภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดเมื่อปี 2020

มาร์ก ไคลแมน นักวิจัยเกี่ยวกับนโยบายสารเสพติดให้ความเห็นต่อสำนักข่าว Washington Post ว่า หากมีการเพิ่มภาษีสุราขึ้นเป็น 3 เท่า คดีฆาตกรรมจะลดลงทันที 6% โดยไม่ต้องจับนักโทษเข้าไปในคุกเพิ่มแม้แต่คนเดียว

นโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในต่างประเทศ

ในปี 2023 ประเทศแคนาดา ได้เปลี่ยนระดับความเสี่ยงของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยความเสี่ยงต่ำ (low risk) ควรดื่มไม่เกิน 1-2 ดริ๊งก์ต่อสัปดาห์ ความเสี่ยงปานกลาง (moderate risk) ควรดื่มไม่เกิน 3-6 ดริ๊งก์ต่อสัปดาห์ (จากเดิมระบุว่าผู้หญิงไม่ควรเกิน 2 ดริ๊งก์ต่อวัน ผู้ชายไม่ควรเกิน 3 ดริ๊งก์ต่อวัน)

ในปี 2023 ประเทศไอร์แลนด์เป็นชาติแรกที่ผ่านกฎหมายบังคับการติดฉลากเตือนภัยโรคมะเร็งที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2026 นี้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.who.int/europe/news/item/04-01-2023-no-level-of-alcohol-consumption-is-safe-for-our-health
https://www.washingtonpost.com/wellness/2023/03/31/moderate-drinking-alcohol-wine-risks/
https://www.nytimes.com/2024/06/15/magazine/alcohol-health-risks.html
https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2802963

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย

“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก จะทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์

พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย.-“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณเสียงชื่นชม-ความคาดหวัง เป็นกำลังใจทำงาน รับทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่จะเลือกทำสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุด นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้วว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน “ดิฉันในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ” นางศุภจี กล่าว เมื่อถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ นางศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกฯ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า […]

ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์

กัมพูชา 10 ก.ย.- ไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ผลประชุม GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงจัดการพื้นที่พิพาท รมช.กลาโหม ย้ำสองประเทศต้องอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ที่มาเลเซียที่ผ่านมา เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร พร้อมย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม หลังการหยุดยิงดำเนินมากว่า 1 เดือน ว่ามีความสงบมากขึ้น แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่ต้องแก้ไข เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเต็มร้อย โดยผลการประชุมสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 […]