นนทบุรี 31 มี.ค. – พาณิชย์เผยสถานการณ์ไข่ไก่เริ่มดีขึ้น หลังห้ามส่งออกอีก 30 วัน จับกุมแล้ว 24 ราย ส่วนหน้ากากอนามัยจับกุมเพิ่ม 10 ราย รวม 230 ราย ย้ำเดินหน้าตรวจสอบสินค้าใกล้ชิดป้องกันผู้บริโภคโดนเอาเปรียบ
นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ไข่ไก่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ยืดระยะเวลาห้ามส่งออกไข่ไก่ออกไปอีก 30 วัน ทำให้ผลผลิตไข่ไก่ในประเทศเพิ่มขึ้น และยังบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในการจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิด ทำให้ปัญหาการจำหน่ายไข่ไก่สูงเกินจริงลดลง และสถานการณ์ไข่ไก่ ทั้งปริมาณไข่ไก่และราคาเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนการจับกุมผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในส่วนของไข่ไก่ เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาสามารถจับกุม 3 ราย ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา และนครปฐม ข้อหาขายราคาเกินสมควร ทำให้ยอดรวมการจับกุมตั้งแต่วันที่ 26-30 มีนาคม 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 24 ราย
ส่วนผลการจับกุมผู้กระทำความผิดในส่วนของหน้ากากอนามัยของวันที่ 30 มีนาคม 2563 จับกุม 10 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 1 ราย ข้อหากระทำความผิดขายเกินราคาควบคุม และต่างจังหวัด 9 ราย ได้แก่ ภูเก็ต 3 ราย กระทำความผิดข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา 2 ราย และขายราคาเกินสมควร 1 ราย เพชรบูรณ์ กระทำความผิดไม่ปิดป้ายราคา 1 ราย และจำหน่ายเกินราคาควบคุมและขายราคาเกินสมควร 1 ราย บึงกาฬ กระทำความผิดขายเกินราคาควบคุม 1 ราย ระยอง กระทำความผิดขายราคาเกินสมควร 2 ราย และอำนาจเจริญ กระทำความผิดขายเกินราคาควบคุม ไม่ปิดป้ายแสดงราคา และปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าควบคุม 1 ราย ทำให้มียอดรวมการจับกุมรวม 230 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 111 ราย และต่างจังหวัด 119 ราย
สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม (มาตรา 25) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย (มาตรา 28) มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสุพพัต กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ขอให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญ และอยากจะขอความร่วมมือประชาชนทุกคนอย่ากักตุน ขอให้ซื้อแต่พอเพียง ซึ่งจะช่วยให้สถานการณ์ในขณะนี้ดีขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบประชาชน โดยเฉพาะสินค้าที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นในขณะนี้ ทั้งไข่ไก่ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ประชาชนต้องการในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รวมถึงจะมีการตรวจสอบและติดตามสินค้ารายการอื่น ๆ อย่างใกล้ชิดด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฉวยโอกาส.-สำนักข่าวไทย
