กรุงเทพฯ 28 มี.ค.– “ชาญกฤช” มั่นใจ ระบบลงทะเบียนออนไลน์รับ 5,000 บาท
ไม่ล่ม เพราะระบบรับ transactions ได้ถึง 3.48 ล้านคนต่อนาที พร้อมใช้ AI คุมเข้มสวมสิทธิ์
นายชาญกฤช
เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า
เว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน มีความพร้อมที่จะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา
18.00 น.ของวันนี้ (28 มี.ค.63) เป็นต้นไป
ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ทุกช่วงเวลา เนื่องจากเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
จึงไม่จำเป็นต้องแห่มาลงทะเบียนตั้งแต่วันแรก เพราะยังมีเวลาให้ทุกคนเตรียมข้อมูลส่วนตัว
โดยระบบสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 58,000 รายการในเวลาเดียวกัน
หรือคิดเป็นจำนวน 3.48 ล้านคนต่อนาที
โดยคาดว่าระบบจะสามารถรองรับจำนวนประชาชนที่ต้องการเข้ามาลงทะเบียนออนไลน์ได้แบบไร้กังวล
และขอย้ำให้ผู้ลงทะเบียนควรใช้โทรศัพท์มือถือประจำตัวที่สามารถติดต่อสื่อสารถึงผู้ใช้สิทธิ์
เพื่อระบบจะได้แจ้งผลการลงทะเบียนและสิทธิ์ตามมาตรการตอบกลับมายังผู้ลงทะเบียนผ่านทางข้อความ
SMS เมื่อลงทะเบียนแล้ว
ระบบพร้อมจ่ายเงินเยียวยาเข้าบัญชีเร็วสุดภายใน 7 วันทำการ
โดยจะโอนเงินให้บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน
ผ่านบัญชีธนาคารที่มีชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชีตรงกับชื่อและนามสกุลนำมาลงทะเบียน
โดยการลงทะเบียนรับสิทธิ์ครั้งนี้แตกต่างจากโครงการ ชิม ช้อป ใช้
ที่ใครลงก่อนได้ก่อน
แต่มาตรการรับเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะให้สิทธิ์เฉพาะคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้เท่านั้น
คือผู้ลงทะเบียนต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม
เป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ ให้เตรียมหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน
ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลประกอบอาชีพ ข้อมูลนายจ้าง โดยกระทรวงการคลังอยากให้คนเดือนร้อนจริงๆ
เข้ามาลงทะเบียน
สำหรับระบบคัดกรองคุณสมบัติผู้ที่ได้สิทธิ์รับเงินเยี่ยวยาจำนวน
5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน พฤษภาคม และ มิถุนายน
โดยทางธนาคารกรุงไทยนำระบบ AI หรือ
ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาใช้ในการคัดกรองคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน
ซึ่งมีความถูกต้องแม่นยำสูง
โดยทางกระทรวงการคลังมั่นใจว่าจะช่วยลดปัญหาและป้องกันการสวมสิทธิ์จากพวกมิจฉาชีพได้
ทั้งนี้ หากมีผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมากกว่า 3
ล้านคนจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ กระทรวงการคลังพร้อมจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากเดิมที่เสนอไว้
45,000 ล้านบาท
นอกจากนี้
ทางกระทรวงการคลังยังจัดตั้งศูนย์เครือข่ายช่วยเหลือ เพื่อรับร้องเรียนจากประชาชน
โดยมอบหมายให้กรมบัญชีกลาง ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) ร่วมกัน เพื่อประสานแนวทางแก้ปัญหาหนี้ ทั้งเงินกู้ฉุกเฉิน วงเงินไม่เกิน
10,000 บาทต่อคน อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.1% ไม่ต้องใช้หลักประกัน ซึ่ง 6
เดือนแรกไม่ต้องจ่ายทั้งต้นและดอก ส่วนเดือนที่ 7
เริ่มผ่อนจ่ายยาวไปเป็นเวลานานถึง 24 เดือน หรือผ่อนชำระไม่ถึง 500 บาทต่อเดือน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนที่เดือดร้อน
ป้องกันการเป็นหนี้นอกระบบ โดยมอบให้ธนาคารออมสินและ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ดูแล ส่วนสินเชื่อพิเศษ
วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.35% แต่ต้องมีหลักประกันคือสลิปเงินเดือน
ส่วนเงื่อนไขการผ่อนชำระขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล
โดยโครงการนี้มอบหมายให้ธนาคารออมสินเป็นผู้ดูแล สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
สามารถติดต่อทั้ง 3 หน่วยงานนี้ผ่านระบบออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงาน
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 .-สำนักข่าวไทย