สหรัฐ 20 มี.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ ต้องสั่งให้ผู้คนทั้งรัฐราว 40 ล้านคนอยู่กับบ้าน ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด 19 ที่ทำให้สหรัฐมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 200 คน
ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึงกว่าร้อยละ 40 ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมตอนนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 5,000 คน รวมเป็นกว่า 14,000 คนแล้ว และมีผู้เสียชีวิตรวมอีกกว่า 200 คน ล่าสุดผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องตัดสินใจปิดเมืองทุกเมืองทั้งรัฐ พร้อมกับสั่งให้ประชาชนราว 40 ล้านคนอยู่กับบ้าน ยกเว้นการออกจากบ้านเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็นและยา สำหรับรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในรัฐที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น และยังเป็นรัฐที่พบการระบาดหนักที่สุดในสหรัฐ รองจากวอชิงตันและนิวยอร์ก
ขณะเดียวกัน นายแอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคของรัฐบาลสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ออนไลน์กับนายมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้บริหารเฟซบุ๊กว่า การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงที่มีการระบาดอย่างรวดเร็ว ส่วนช่วงนี้จะยาวนานหรือถึงจุดเปลี่ยนเมื่อใด ก็ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐจะสามารถควบคุมและบรรเทาสถานการณ์ได้สำเร็จมากน้อยเพียงใด
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้เดินทางไปยังสำนักงานบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินกลาง พร้อมกับคณะทำงานด้านโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เพื่อร่วมประชุมทางไกลกับบรรดาผู้ว่าการรัฐทั่วประเทศ ซึ่งผู้ว่าการแต่ละรัฐ ได้บอกถึงความต้องการเร่งด่วนของแต่ละรัฐ ซึ่งรวมไปถึงความช่วยเหลือและเวชภัณฑ์จากรัฐบาลกลาง
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือจี7 เพื่อให้ผู้นำประเทศสมาชิกทั้ง 7 ประเทศ ได้ทุ่มเทกับแก้ปัญหาสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า การประชุมสุดยอดจี7 ปีนี้จะหันไปใช้วิธีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์แทน.-สำนักข่าวไทย