รร.แมนดาริน โอเรียลเต็ล 15 ธ.ค. – รมว.คลังระบุจัดทำงบประมาณสมดุลได้ในอีก 8 ปีข้างหน้า ยอมรับเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่ส่งผลต่อไทยมากนัก แม้ต้องปรับเพิ่มอีก 3 ครั้ง ไม่หวั่นเงินทุนไหลออก เพราะไทยยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัดก่อหนี้ต่างประเทศน้อย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดการประชุมประจำปีเจ้าหน้าที่งบประมาณระดับสูงในกลุ่มประเทศ OECD และกลุ่มประเทศเอเชีย โดยมีสมาชิกจาก 18 ประเทศเข้าร่วมประชุม เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณของกลุ่มเอเชีย การยึดปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงของไทยในการจัดทำงบประมาณ การนำเครื่องมือปฏิบัติเพื่อจัดทำประมาณอย่างโปร่งใสและในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ยังคงเน้นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ รัฐบาลยังปฏิรูปการจัดทำงบประมาณแบบกลุ่มจังหวัด เพื่อให้พื้นที่กลุ่มจังหวัดร่วมมือแบบประชารัฐเสนองบประมาณให้ส่วนกลางพิจาณานำร่องด้วยการจัดทำงบเพิ่มกลางปี 2560 วงเงิน 190,000 ล้านบาท ดังนั้น การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 8 ปีข้างหน้านับตั้งแต่ปี 2559 เมื่อรัฐบาลนำร่องการลงทุนผ่านโครงการขนาดใหญ่ โครงการลงทุนในกลุ่มจังหวัด และหากภาคเอกชนลงทุนเพิ่มขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น และการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลปี 2561 จะไม่ส่งผลต่อภาระหนี้สาธารณะต่อจีดีพีให้สูงมากนัก จากปัจจุบันประมาณร้อยละ 46.9
นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 มาอยู่ระดับร้อยละ 0.75 ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบกับตลาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นไปตามตลาดคาดการณ์ ขณะที่ไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงมากและยังเกินดุลเดินสะพัด และก่อหนี้เงินกู้ต่างประเทศระดับต่ำ เนื่องจากแการลงทุนของภาครัฐปัจจุบันใช้เงินลงทุนในประเทศสูงถึงร้อยละ 96 ทำให้การก่อหนี้จากต่างประเทศของเอกชนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเฟดปรับเพิ่มดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปี 2560 หากมีเงินทุนไหลออกจะไม่กระทบต่อไทยอย่างแน่นอน รัฐบาลเน้นยืมเงินกู้ภายในประเทศเป็นหลักในการลงทุนด้านต่าง ๆ ขณะที่เงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศค่อนข้างน้อย เมื่อไหลกลับออกไปบ้างจะไม่กระทบต่อตลาดเงินของไทย ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าลงนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนไทยมองว่ายังไม่จำเป็นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหมือนกับสหรัฐ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 2.5 บวกลบร้อยละ 1.5 ในปี 2560 กำหนดอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายของ ธปท. จึงเตรียมเสนอ ครม.รับทราบเดือนธันวาคมนี้.-สำนักข่าวไทย