กรุงเทพฯ 6 มี.ค.-การขยายตัวในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ทำให้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปรวมถึงวิถีชีวิตของผู้คน แต่มีอยู่ชุมชนหนึ่ง ที่ยังคงวิถีชีวิตแบบที่พวกเขาเรียกว่า ชาวชนบทกรุงเทพฯ นั่นคือ ชุมชนชาวมอญ ในเขตคลองสามวา
ที่เห็นอยู่นี้ เป็นชาวมอญสามวา ชุมชนวัดแป้นทองโสภาราม ในแขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร กำลังช่วยกันเปิดครัวในวัด ทำหมี่กรอบ เพื่อส่งไปช่วยงานพระราชทานเพลิงศพพระภิกษุมอญรูปหนึ่ง ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งถือเป็นประเพณีการทำบุญของชาวมอญ ที่หากว่ามีการฌาปนกิจพระภิกษุมอญที่ไหน พวกเขาจะออกมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำอาหาร ขนมส่งไปร่วมทำบุญด้วย แสดงให้เห็นความผูกพันอันเหนียวแน่นระหว่างชาวมอญสามวา กับมอญพระประแดง เพราะว่าชาวมอญทั้งสองที่ต่างเป็นญาติพี่น้องกัน
คุณลุงหยิบ อัคโกศล อดีตกำนันตำบลสามวาตะวันตก (แต่ก่อนไม่เรียกแขวง) ซึ่งเป็นชาวมอญรุ่นเก่าแก่ เล่าให้ฟังว่า พื้นที่ที่ชาวมอญสามวาอยู่ เดิมเป็นพื้นที่ของมอญพระประแดง โดยที่พระประแดงเป็นที่อยู่อาศัย ที่คลองสามวาเป็นที่ทำนา เมื่อถึงฤดูทำนาจะพายเรือจากพระประแดงมาทำนาที่คลองสามวา แต่ช่วงรัชกาลที่ 2 เป็นต้นมา ก็เริ่มทำนาแล้วพักอาศัยอยู่เลย ไม่กลับพระประแดงแล้ว กลายเป็นมอญสามวานับแต่บัดนั้น แต่ก่อนมีราว 300 ครัวเรือน ปัจจุบันเหลืออยู่ราวเกือบ 200 ครัวเรือน เพราะว่าการขยายที่อยู่อาศัยในเขตเมือง ก็ทำให้มีหลายคนขายที่ให้ทำหมู่บ้านจัดสรร ชุมชนมอญเดิม เลยถูกล้อมรอบด้วยหมู่บ้านจัดสรร แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวมอญยังคงยึดถืออย่างเหนียวแน่นคือวิถีชีวิตที่ผูกพันกับศาสนาพุทธ
หนึ่งสิ่งที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวมอญสามวา ให้เห็นถึงความผูกพันกับวัดอย่างเหนียวแน่น จะเห็นได้จากการร่วมมือร่วมใจกันกว่า 3 เดือนแล้ว เพื่อเตรียมงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าอาวาสวัดแป้นทองโสภารามรูปเดิม นอกจากแต่ละคนจะถวายปัจจัยสร้างเมรุแบบมอญ หรือที่ชาวมอญเรียกว่าปราสาท ชาวมอญสามวา ก็ยังมาช่วยช่างฝีมือชาวมอญ ประดิษฐ์งานลวดลายต่างๆ เพื่อให้ปราสาทหรือเมรุ ที่จะใช้ในพิธีพระภิกษุที่พวกเขานับถือ ออกมาตระการตาที่สุด ลวดลายทุกอย่างผ่านมือชาวมอญที่นี่ด้วย เพราะนานๆ หลายสิบปีจะมีพิธีการอย่างนี้สักครั้ง และชาวมอญก็มีความเชื่อว่า พระภิกษุเป็นผู้มีศีลมากกว่าญาติโยม เมรุทั่วไป ใช้ฌาปนกิจคนมานับไม่ถ้วน จึงเป็นประเพณีปฏิบัติ ที่ไม่ทำพิธีฌาปนกิจพระภิกษุที่พวกเขานับถือในเมรุทั่วไป
ชาวมอญสามวา มีอาชีพหลักคือทำนา ทุกวันนี้ ผืนนายังคงเต็มพื้นที่ ที่พวกเขาอาศัยอยู่ และตรงข้ามวัดแป้นทองโสภาราม เป็นนาของคุณลุงสมนึก พิมทอง ปกติคุณลุงสมนึก ทำนาปีละ 2 ครั้ง คือนาปีกับนาปรัง ช่วงทำนาปรังแต่ละปีคือช่วงมกราคมถึงมีนาคม ลุงสมนึก จะต้องขอกำหนดการจากทางวัดทุกปี เพราะแต่ละปี วัดแป้นทองจะจัดงานวัดช่วงต้นเดือนมีนาคม ลุงสมนึก ก็จะได้วางแผนหว่านข้าว เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ทันก่อนการจัดงานวัด เพราะจะต้องแปลงผืนนา 22 ไร่ ให้เป็นสถานที่จอดรถชั่วคราว เช่นเดียวกันปีนี้ แม้ไม่มีงานวัด แต่มีงานพระราชทานเพลิงศพ ลุงสมนึก ก็ทำแบบเดียวกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นความผูกพันเหนียวแน่นกับวัดของชาวมอญเป็นอย่างดี
ไม่เฉพาะวัดกับชุมชนเท่านั้นที่ผูกพันเอื้อเฟื้อกัน โรงเรียนที่นี่ ก็มีความผูกพันกับวัดเช่นเดียวกัน เพราะว่าวัดและชาวมอญที่นี่ ได้มอบที่ดินให้สร้างโรงเรียนวัดแป้นทอง เป็นที่เล่าเรียนของลูกหลานชาวมอญมาตั้งแต่ปี 2492 หรือ 71 ปีที่แล้ว และตลอด 71 ปีที่ผ่านมา วัดได้ช่วยบูรณะโรงเรียน สนับสนุนการศึกษา มอบทุนให้นักเรียนมาตลอด ทำให้โรงเรียนกับวัด ช่วยเหลือกัน ทุกสัปดาห์ จะมีเด็กๆ จิตอาสา มาเก็บขยะที่วัดและที่เห็นอยู่ก็เป็นการซ้อมรำมอญ 12 ท่า ของเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นหนึ่งในการสอนให้เด็กๆ นักเรียนที่นี่ ได้รู้จักศิลปวัฒนธรรมของชาวมอญ โรงเรียนกับชุมชนพยายามฟื้นฟูศิลปะเหล่านี้ กลับมาใหม่ เพื่อไม่ให้หายไป โดยเด็กๆ ที่มาฝึกซ้อมรำ เตรียมพร้อมไว้สำหรับรำถวายในงานพระราชทานเพลิงศพอดีตเจ้าอาวาสด้วย ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณกับเด็กนักเรียนที่นี่ด้วย.-สำนักข่าวไทย