กรุงเทพฯ 26 ก.พ. – จีซียอมรับส่งออกไปจีนหดตัวร้อยละ 1-2 จาก COVID-19 เร่งหาตลาดทดแทน มองทั้งปียอดขายยังเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายเดิมร้อยละ 10 เพราะคาดหวังสถานการณ์แพร่ระบาดจะคลี่คลายไตรมาส 2/63 พร้อมเดินหน้าลงทุนในสหรัฐเป็นบ้านที่ 2
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ ) บมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอล หรือจีซี กล่าวว่า บริษัทยังเชื่อมั่นยอดขายปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 10 หรือใกล้เคียงตามเป้าหมายเดิม แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ คาดว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลายไตรมาส 2/2563 เพราะตัวเลขการแพร่กระจายของเชื้อโรคในจีนเริ่มทรงตัว และภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกและน้ำมันจะกลับมาเช่นเดิม โดยยอมรับว่าตัวเลขการส่งออกเม็ดพลาสติกไปจีนขณะนี้ลดลงร้อยละ 1-2 จากที่การส่งออกไปจีนมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 25-27 ของกำลังผลิตเม็ดพลาสติกของจีซี 2.3 ล้านตันต่อปี โดยภาพรวมมีการส่งออกครึ่งหนึ่งของกำลังผลิตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จากที่จีซีมีความคล่องตัวปรับเปลี่ยนตลาดส่งออกไปยังอาเซียน เช่น เวียดนาม และอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นทดแทนตลาดจีน จึงเชื่อมั่นว่ายอดขายจะไม่หดตัว
“จีซีได้ปรับตัวเรื่อง COVID-19 ทั้งปรับตลาดส่งออกจากจีนไปตลาดอื่น ในส่วนของการเจรจาการค้าการลงทุนระหว่างประเทศก็ใช้ระบบผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ งดเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยง จึงทำให้การดำเนินธุรกิจไม่สะดุด” นายคงกระพัน กล่าว
ทั้งนี้ ยอดขายที่มั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปี 2562 เนื่องจากปีนี้ไม่มีการ SHUT DOWN หรือปิดซ่อมบำรุงใหญ่เหมือนปีที่แล้ว และคาดการณ์มาร์จินจะดีขึ้น หลังจากราคาและ SPREAD ลดลงต่ำสุดในไตรมาส 4/2563 ขณะที่คาดว่าค่าการกลั่นจะดีขึ้น จากข้อตกลงขององค์กรเดินเรือระหว่างประเทศหรือไอเอ็มโอเรื่องมาตรการน้ำมันเดินเรือกำมะถันต่ำที่มีผลบังคับใช้ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยปีนี้คาดค่าการกลั่นจะอยู่ในระดับ 4-5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากปีที่แล้วอยู่ที่อยู่ที่ 3.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับแผนการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ 1.5 ล้านตัน/ปี ยังยืนยันจะประกาศการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID ) กลางปี 2563 ซึ่งการลงทุนในสหรัฐนั้น จะถือว่าเป็นบ้านที่ 2 ของจีซี นอกเหนือจากการลงทุนในมาบตาพุดที่นับเป็นบ้านหลังที่ 1 โดยการลงทุนในสหรัฐนั้น มีการร่วมทุนหลายโครงการไปแล้ว 500-600 ดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นฐานการลงทุนธุรกิจต่อเนื่องทั้งโครงการการเข้าซื้อกิจการการและการลงทุนในกองทุนร่วมทุนในบริษัทนวัตกรรมต่าง ๆ
ส่วนแผนลงทุน 5 ปี (2563-2567) จะมีเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศประมาณ 200,000 ล้านบาท โดยในการลงทุนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นั้น ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง 2-3 ปีที่ผ่านมาลงทุนแล้ว 100,000 ล้านบาท และอีก 2-3 ปีนี้กำลังศึกษาโครงการใหม่อีก 100,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นมีการอนุมัติเงินลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งภาพรวมของจีซีนั้น ได้ปรับตัวลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด ด้วย โครงการ MAX ซึ่งปีนี้จะทำเพิ่มเติมทั้งห่วงโซ่การผลิตทั้งกลุ่มกว่า 20 โรงงาน และตั้งเป้าเฉพาะในส่วนเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการจะลงอีกร้อยละ 5 จากที่ปีที่แล้วลดลงร้อยละ 10 และตั้งเป้าหมายปี 2573 การปรับกำลังผลิตของจีซีทั้งหมดจะมีส่วนของการผลิตสินค้าเม็ดพลาสติกประเภทพื้นฐานลดลงจากร้อยละ 84 เหลือร้อยละ 70 และการเพิ่มสินค้าประเภทมูลค่าเพิ่มและสินค้าชีวภาพเพิ่มจากร้อยละ 16 เป็นร้อยละ 30.-สำนักข่าวไทย