กาญจนบุรี 12 ก.พ.- สุดยอดตำรวจและเมีย นายดาบขับรถตามโจรชิงรถเก๋ง ให้เมียไลฟ์เฟซบุ๊กพร้อมพากย์บรรยายเหตุการณ์ไปด้วยสุดระทึก ตัวเองโทรศัพท์เรียกตำรวจมาจับ ในที่สุดตำรวจตามมายิงยางรถที่คนร้ายชิงมา จับได้โดยละม่อม
นี่เป็นภาพจากการไลฟ์เฟซบุ๊กของ นางณัฏฐณิกา ใบบัว ซึ่งนั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนคนขับเป็นสามีคือ ด.ต.พิเชษฐ์ ใบบัว ผบ.หมู่งาน ป.สภ.พนมทวน เหตุการณ์เริ่มต้นจากทั้งสองไปทำธุระที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.พังตรุ ระหว่างคุยกัน ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนร้ายเป็นชายชิงรถเก๋งไป และเป็นจังหวะที่คนร้ายขับรถผ่านมาพอดี ด.ต.พิเชษฐ์ จึงตัดสินใจขับรถยนต์ตาม โดยภรรยาของตนขึ้นรถไปด้วย พร้อมกับทำการไลฟ์เฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันสกัดจับ
จะเห็นว่ารถที่คนร้ายชิงมาคือ โตโยต้า โซลูนา สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 9 กฆ 6947 กทม.ขับไปตามเส้นทางบ้านกระเจาบ่อยา หมู่ 10 ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ออกถนนบายพาส เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 324 มุ่งหน้าอำเภอพนมทวน รวมระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร
ระหว่างการไล่ตาม ได้พยายามอธิบายรายละเอียดด้วยเสียงที่สั่นเครือ ตื่นเต้นและหวาดกลัว เนื่องจากคนร้ายนั้นรู้ตัวว่าถูกติดตาม จึงขับรถยนต์เก๋งวกไปวนมา ขณะที่ดาบตำรวจพิเชษฐ์ ได้โทรศัพท์ประสานและรายงานความเคลื่อนไหวของคนร้ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.พนมทวนทราบเป็นระยะๆ และในที่สุด
ตำรวจสายตรวจ สภ.พนมทวน นำโดย ร.ต.อ.ไพบูลย์ ทองโพธิ์ รอง สวป.สภ.พนมทวน พร้อมกำลัง 5 นายก็ติดตามมาถึง โดยเมื่อคนร้ายเห็นจึงได้พยายามเร่งเครื่องหลบหนี ตำรวจจึงใช้ปืนยิงยางหลังด้านซ้ายของรถยนต์จนแตก ในที่สุดก็สามารถคุมตัวคนร้ายเอาไว้ได้ ระหว่างจับกุมตัวคนร้ายมีอาการคลุ้มคลั่ง และเจ้าหน้าที่พบอาวุธมีดจำนวน 1 เล่ม จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวคนร้าย ไปสงบสติอารมณ์จากอาการคุ้มคลั่งอยู่ที่ สภ.พนมทวน
สำหรับเจ้าของรถยนต์เก๋งคันนี้เป็นชาวกรุงเทพฯ แต่ได้มาซื้อที่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ที่หมู่ 10 ต.พังตรุ ส่วนคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุคือนายสุรศักดิ์ โพธิ์ทอง อายุประมาณ 35 ปี เดิมทีเป็นชาว ต.ทุ่งกระบ่ำ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี แต่มาได้ภรรยาอยู่ที่หมู่ 10 ส่วนสาเหตุของอาการคลุ้มคลั่งนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร โดยพนักงานสอบสวน สภ.พนมทวน จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อำนาจ เอี่ยมใจดี ผกก.สภ.พนมทวน เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น และที่สำคัญไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งจะถูกดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือข้อหาลักทรัพย์รถยนต์ และข้อหามีอาวุธมีด.-สำนักข่าวไทย