กรุงเทพฯ 5 ก.พ. – ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ รับไวรัสโคโรนากระทบตลาดหุ้นไทย มั่นใจภูมิต้านทานดีฟื้นตัวเร็ว หากแก้ปัญหาได้ชัดเจน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา แต่คาดว่าจะฟื้นตัวเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีภูมิต้านทานดี จากฐานะการคลังที่แข็งแกร่ง หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ระดับ 40% ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีสถานะแข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 8% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่ถึง 3% โดยช่วงที่ผ่านมาเคยเผชิญกับปัจจัยหลากหลาย เช่น การเมืองในประเทศ ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ โรคระบาดซาร์ส และเมอร์ส เป็นต้น แต่ตลาดทุนไทยมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วไม่เกิน 10 เดือน ซึ่งในช่วงซาร์สและเมอร์สเกิดผลกระทบเพียง 2 – 9 เดือน ซึ่งเชื่อว่าถ้ามีความชัดเจนในการควบคุมโรค ภาคธุรกิจไทยจะฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว
สำหรับแผนการนำบริษัทขายหุ้นไอพีโอปีนี้ ยังคงเป้าหมายเดิม โดยมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปใหม่ไอพีโอ 250,000 ล้านบาทใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยช่วงประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. เปิดเผยว่า สิ้นเดือนมกราคม 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,514.14 จุด ลดลง 4.2% จากสิ้นปีก่อน โดยกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ปี 2563 อยู่ที่ 62,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4% จากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2562 ด้านผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 17,230 ล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดส่วนใหญ่ในอาเซียน แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การควบคุมโรคมีแนวโน้มดีจากความเข้มงวดของรัฐบาลจีน และการรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพในประเทศไทย แม้ว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในเดือนมกราคม แต่ระยะยาวเศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนอื่น ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน การส่งออกในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่า และการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะโครงการต่อเนื่องของระบบคมนาคม
ด้าน Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทยสิ้นเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 18.4 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า และ 15.4 เท่าตามลำดับ
ส่วนอัตราเงินปันผลตอบแทนสิ้นเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ระดับ 3.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.9% ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai สิ้นเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท ลดลง 4.1% จากสิ้นปี 2562 และเดือนมกราคม 2563 มูลค่าการระดมทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ของไทยอยู่ที่ระดับ 225 ล้านบาท ขณะที่การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (SPO) มีมูลค่ารวม 8,601 ล้านบาท ด้านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนมกราคม 2563 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 482,707 สัญญา เพิ่มขึ้น 12.7% จากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2562
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์อาเซียน www.aseanexchanges.org แล้ว เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารกลุ่มตลาดหลักทรัพย์อาเซียนทั้ง 7 ประเทศ ประกอบด้วย ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ โฮจิมินท์ ฮานอย และไทย โดยตั้งเป้าเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มตลาดหลักทรัพย์อาเซียน ส่งเสริมธุรกรรมข้ามตลาด การเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการเข้าถึงตลาดหลักทรัพย์อาเซียนให้สะดวกและง่ายขึ้น และการออกผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ในอาเซียน ความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์อาเซียนจะเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดการลงทุนมายังภูมิภาคด้วย. – สำนักข่าวไทย