ขอหมายจับวัยรุ่นยิงคู่อริหน้าร้านข้าวมันไก่ ดับ 2 เจ็บ 1

นครปฐม 27 ธ.ค. – เหตุวัยรุ่นยิงกันในร้านข้าวมันไก่ จ.นครปฐม มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 1 คน ตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับแล้ว จากหลักฐานสำคัญภาพกล้องวงจรปิด


ภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุบริเวณหน้าร้านข้าวมันไก่ป้าจ๋า ในซอยจันทราคามพิทักษ์ อ.เมือง จ.นครปฐม  กลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม ทะเลาะวิวาทกัน และมีหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นชักปืนออกมายิงหลายนัด ซึ่งเป็นจังหวะที่คู่อริใช้ร่างกายของเพื่อนในกลุ่มเดียวกับคนที่มีปืนมาบังไว้ ทำให้ยิงถูกเพื่อนกลุ่มตัวเอง จนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี ส่วนคนยิงพยายามพาเพื่อนไปโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา


สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือกลุ่มบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จำนวน 3 คน ได้แก่ นายกรวิชญ์ ประทีปทอง อายุ 23 ปี (ผู้ตาย) นายสรายุทธ สุดใจ และนายทศพร ไม่ทราบนามสกุล (กำลังหลบหนี) ชวนกันมาเที่ยวที่สถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครนครปฐม หลังจากเที่ยวได้ชวนกันมานั่งกินข้าวที่ร้านข้าวมันไก่ป้าจ๋า ขณะที่นั่งกินข้าวเกิดเขม่นกับวัยรุ่นกลุ่มบางแขมของนายปิยะพงษ์ เชียงกา อายุ 29 ปี (ผู้ตาย) นายศราวุทธ กระดังงา อายุ 20 ปี ที่ถูกควบคุมตัว และนายณัฐฐพล รัศมีเกตุการโชติ อายุ 22 ปี (ผู้บาดเจ็บ) มีปากเสียงกันในร้านจนกลุ่มบ้านแพ้วตะโกนให้ของลับก่อน


หลังจากกินข้าวเสร็จ กลุ่มบางแขมมายืนรอกลุ่มบ้านแพ้วอยู่หน้าร้าน จนเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายชกต่อยกัน ขณะนั้นนายสรายุทธ มือปืน ชักปืนจะยิงนายปิยะพงษ์ แต่กลับถูกนายกรวิชญ์ กลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน เนื่องจากถูกนายปิยะพงษ์ล็อกตัวไว้ ทำให้กระสุนปืนเข้าหน้าอกนายกรวิชญ์ ทำให้ฟุบลงกับพื้นบาดเจ็บสาหัส จากนั้นนายปิยะพงษ์พยายามวิ่งหนี แต่นายสรายุทธยิงปืนใส่ทำให้กระสุนเข้าลำตัวของนายปิยะพงษ์ 3 นัด ล้มลง ทั้งสองฝ่ายได้แยกย้ายกันหลบหนี

ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 2 คน คือ นายกรวิชญ์ ถูกยิงที่หน้าอกซ้าย 1 นัด และนายปิยะพงษ์ ถูกยิงที่หน้าอก 1 นัด หัวไหล่ 2 นัด ส่วนนายณัฐฐพล ถูกยิงที่ไหล่ขวา ขณะแพทย์กำลังช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ วัยรุ่นที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันตามไปดูเพื่อนที่โรงพยาบาล พยายามจะเข้าไปก่อเหตุซ้ำ ตำรวจต้องนำตัวออกมาด้านนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ พร้อมขู่ว่าหากไม่หยุด จะต้องจับไปขังชั่วคราว

พ.ต.อ.ไพบูรณ์ แพรศรีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ชุดสืบสวนลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานหาข้อมูลในเชิงลึก ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทราบว่า ผู้ก่อเหตุชื่อนายโอ๊ด หรือนายสรายุทธ สุขใจ ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดขอศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ส่วนหนึ่งได้เชิญแม่ของมือปืนเข้ามาพูดคุยให้ช่วยเจรจากับลูกชาย ส่วนนายศราวุทธ กระดังงา ที่ควบคุมตัวได้ในที่เกิดเหตุ สอบสวนเจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างมาหาเพื่อนในกลุ่ม แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุด้วย เจ้าหน้าที่จึงต้องปล่อยตัวกลับไป. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง